ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ประเมินการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะติดลบ 3-4.5% โดยในช่วงไตรมาส 4 น่าจะกลับมาขยายตัวหลังจากติดลบมานาน แต่ยังไม่มั่นใจเศรษฐกิจไทยจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะเศรษฐกิจโลกอาจไม่ฟื้นตัวเป็นรูปตัววีอย่างที่คาด ประกอบกับยังมีปัจจัยเสี่ยงเรื่องปัญหาการเมืองในประเทศ ส่วนปี 53 คาดเศรษฐกิจจะขยายตัว 3-5%
"อย่าสร้างปัจจัยการเมืองมาซ้ำเติมเศรษฐกิจ เพราะรับเฉพาะวิกฤติเศรษฐกิจและการเงินโลกก็แย่แล้ว ปัจจัยทางการเมืองนั้นกระทบต่อความเชื่อมั่น ซึ่งหากการเมืองไม่นิ่งการลงทุนและการบริโภคก็ไม่เกิดขึ้น" นางอัจนา กล่าว
โดยปัญหาทางการเมืองจะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่มาซ้ำเติมปัญหาเศรษฐกิจ 3 ด้าน คือ จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้อง, เกิดความไม่มั่นใจในนโยบายและโครงการของภาครัฐ ทำให้มีการเลื่อนโครงการลงทุน โดยเฉพาะก่อการสร้างรถไฟฟ้า และกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและผู้บริโภค
นางอัจนา กล่าวว่า ไตรมาส 4 ของปีนี้คาดว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยจะเริ่มขยายตัวหลังจากติดลบมาอย่างต่อเนื่องเพราะเห็นสัญญาณแล้วว่า เศรษฐกิจไทยหยุดไหลลงแล้ว โดยจีดีพีไตรมาส 2 หดตัวลง 4.9% หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่เติบโต 2% หากเทียบกับไตรมาส 1 ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดี
อย่างไรก็ตาม ตนเองไม่มั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะเศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้นเป็นผลตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่มาจากแรงกระตุ้นจากมาตรการการคลังในการสร้างอำนาจซื้อให้กับประชาชนของประเทศต่างๆ เช่น จีน
"คำสั่งซื้อสินค้าคงคลังที่เริ่มเข้ามา เพราะในช่วงที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ผู้ประกอบการทั่วโลกต่างก็ลดกำลังการผลิตและลดการสต็อกสินค้าอย่างแรง แต่เมื่อสถานการณ์ผ่านไประยะหนึ่งและเริ่มตั้งสติได้จึงหันกลับมาผลิตใหม่ซึ่งการฟื้นตัวจาก 2 ปัจจัยดังกล่าวอาจจะไม่ใช่การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและเป็นการฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดไว้" นางอัจนา กล่าว
ดังนั้น เศรษฐกิจโลกอาจจะไม่ฟื้นตัวเป็นรูปตัววีอย่างที่คาดหมายกัน ซึ่งบางคนมองว่าเศรษฐกิจโลก อาจจะค่อยฟื้นตัว และทรงตัวยาวในลักษณะของสแควร์รูท เพราะยังมีปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะกระทบต่อเศรษฐกิจได้
อย่างไรก็ตาม ธปท.ยังคงประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้ติดลบ 3-4.5% ส่วนปี 53 จีดีพีจะเติบโต 3-5% โดย ธปท.ยังพร้อมดำเนินนโยบายการเงินเพื่อเอื้อต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอย่างต่อเนื่อง มาอยู่ที่ 1.25% ต่อปี