โจเซฟ สติกลิทซ์ ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียและเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า สหรัฐประสบความล้มเหลวในการแก้ปัญหาเรื่องระบบการธนาคาร หลังประเทศเผชิญกับวิกฤตสินเชื่อและการล้มละลายของเลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิ้ง อิงค์
สติกลิทซ์กล่าวว่า "ขณะนี้สหรัฐและประเทศอื่นๆ กำลังเผชิญปัญหาเกี่ยวกับการประคับประคองสถาบันการเงินที่ใหญ่เกินกว่าจะปล่อยให้ล้ม ซึ่งนี่เป็นปัญหาที่ร้ายแรงกว่าเมื่อครั้งก่อนที่จะเกิดวิกฤตในปี 2550 เสียอีก"
การแสดงความเห็นของสติกลิทซ์ในครั้งนี้สอดคล้องกับความเห็นของพอล วอลค์เกอร์ อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่แนะให้คณะทำงานของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ออกนโยบายควบคุมขนาดธนาคาร รวมถึงถ้อยแถลงของผู้ว่าการธนาคารกลางอิสราเอลที่กล่าวว่า รัฐบาลอาจต้องการควบคุมสภาพคล่องส่วนเกินในสถาบันการเงินที่มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อันเป็นผลพวงจากการที่กระทรวงคลังสหรัฐได้ใช้จ่ายเงินหลายพันล้านดอลลาร์อัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงิน ภายหลังการล่มสลายของเลห์แมน บราเธอร์ส
นอกจากนี้ สติกลิทซ์ยังแนะให้รัฐบาลแก้ปัญหาในตลาดเงินอย่างรอบคอบเพราะเป็นปัญหาที่เกี่ยวพันทางการเมือง และเขาหวังว่าผู้นำกลุ่มประเทศจี-20 จะกดดันให้สหรัฐดำเนินมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น
"จนถึงขณะนี้พวกเรายังไม่ได้ทำอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน และธนาคารหลายแห่งยังคงถอยหลังลงคลอง ดังนั้น ผู้นำกลุ่มประเทศจี-20 ต้องเป็นก้าวเล็กๆที่พาเราเดินหน้าไปบนเส้นทางที่ถูกต้อง" สติกลิทซ์กล่าว
บลูมเบิร์กรายงานว่า การประชุมผู้นำกลุ่มประเทศจี-20 จะจัดขึ้นในวันที่ 24-25 กันยายนนี้ที่เมืองพิทท์สเบิร์ก โดยที่ประชุมจะพิจารณาถึงแนวทางการปรับปรุงระเบียบการกำกับดูแลด้านตลาดเงินและออกข้อกำหนดเรื่องค่าตอบแทนของบุคลากรที่ทำงานในภาคอุตสาหกรรมดังกล่าว