นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในเดือน ส.ค.52 มีทั้งสิ้น 199,397 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อน 20,423 ล้านบาท หรือคิดเป็น 11.4% แต่จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 48,504 ล้านบาท หรือคิดเป็น 19.2% โดยกรมสรรพากรและกรมศุลกากรจัดเก็บภาษีได้ต่ำกว่าประมาณการ ส่วนกรมสรรพสามิตจัดเก็บภาษีได้สูงกว่าประมาณการ จากภาษียาสูบและภาษีน้ำมัน เนื่องจากปีก่อนมีการลดอัตราภาษีน้ำมันดีเซลและแก๊สโซฮอล์ ตาม 6 มาตรการ 6 เดือน แต่ปีนี้มีการปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมัน
ทั้งนี้ส่งผลให้ 11 เดือนของปีงบประมาณ 52(ต.ค.51-ส.ค.52) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 1,322,974 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 95,860 ล้านบาท หรือคิดเป็น 6.8% และต่ำกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 204,594 ล้านบาท หรือคิดเป็น 13.4% ซึ่งทั้ง 3 กรมภาษีจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ รวมถึงการนำส่งรายได้เข้าคลังของรัฐวิสาหกิจ
โดยกรมสรรพากรจัดเก็บได้รวม 1,069,933 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 170,460 ล้านบาท หรือคิดเป็น 13.7% โดยภาษีเกือบทุกประเภท ทั้งภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ มีเพียงเงินได้จากภาษีปิโตรเลียม เนื่องจากผลประกอบการของธุรกิจที่เกี่ยวกับการขุดเจาะปิโตรเลียมในปี 51 อยู่ในระดับที่ดีที่
กรมสรรพสามิตจัดเก็บได้รวม 262,669 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 32,723 ล้านบาท หรือคิดเป็น 11.1% โดยภาษีทุกประเภทจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ โดยเฉพาะภาษีรถยนต์ ซึ่งเป็นผลจากประชาชนชะลอการซื้อสินค้าคงทนและสถาบันการเงินระมัดระวังในการให้สินเชื่อมากขึ้น ภาษีเบียร์ ภาษีน้ำมัน
และกรมศุลกากรจัดเก็บได้รวม 72,480 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 18,630 ล้านบาท หรือคิดเป็น 20.4% เนื่องจากจัดเก็บอากรขาเข้าได้ต่ำกว่าเป็นผลจากการหดตัวของมูลค่าการนำเข้าสินค้า
ขณะที่การนำส่งรายได้ของวิสาหกิจมีจำนวน 76,590 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 6,144 ล้านบาท หรือคิดเป็น 7.4% โดยมีรัฐวิสาหกิจที่นำส่งรายได้สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โรงงานยาสูบ ธนาคารออมสิน และ บมจ.กสท โทรคมนาคม ตามลำดับ
ส่วนหน่วยงานอื่นๆ นำส่งรายได้รวม 81,059 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 3,177 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4.1% เนื่องจากการจัดเก็บรายได้จากค่าปิโตรเลียมส่วนที่เป็นกำไรและผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษจากสัมปทานปิโตรเลียม
อย่างไรก็ตาม โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า จากการดำเนินมาตรการต่างๆ ของรัฐบาล ได้ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศเริ่มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น กระทรวงการคลังจึงคาดว่าการจัดเก็บรายได้สุทธิของรัฐบาลตลอดปีงบประมาณ 52 จะต่ำกว่าประมาณการเพียง 206,000 ล้านบาท ดีขึ้นกว่าเดิมที่เคยคาดไว้ว่าจะจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณ 280,000 ล้านบาท