นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยขณะนี้มีทิศทางที่ดีขึ้นจากการที่ปริมาณการลงทุนและการใช้จ่ายภาคเอกชนมีอัตราติดลบน้อยลง โดยถือว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว แต่ก็ยังมีจุดเปราะบาง โดยเฉพาะปัจจัยเกี่ยวกับการเมืองที่ต้องระวังเหตุรุนแรงจากการนัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 19 ก.ย.นี้
นอกเหนือจากปัจจัยต่างประเทศเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐและสหภาพยุโรปที่ ธปท.จับตาอยู่ว่าจะเป็นไปอย่างต่อเนื่องหรือไม่ เพราะยังมีอัตราการว่างงานอยู่ในระดับสูง เนื่องจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐและสหภาพยุโรปจะมีผลต่อประเทศไทยที่ต้องพึ่งพาการส่งออกเป็นรายได้หลัก
ส่วนแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น คงยังไม่เห็นการปรับขึ้นในระยะสั้น ๆ นี้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังไม่สูงขึ้น
นางธาริษา กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทว่า การที่เงินบาทแข็งค่าในขณะนี้เกิดจากการที่ไทยเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นหลัก แต่ถ้าเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านก็ยังถือว่าเกาะกลุ่มกันอยู่ และหวังว่าหากการใช้จ่ายภาครัฐมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามวัถุประสงค์ที่กำหนดไว้ก็จะช่วยให้การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดมีน้อยลง ซึ่ง ธปท.จะดูแลตามปกติไม่ให้เกิดความผันผวน
อย่างไรก็ตาม สำหรับการติดตามการเคลื่อนย้ายเงินทุนพบว่ามีเงินไหลเข้า-ออกเป็นปกติ และไม่เห็นการเก็งกำไร
"โลกมันเล็กลง อะไรก็เร็ว ย่อมมีผลกระทบต่อการไหลเข้า-ออกของเงินทุน ทำให้มีความผันผวนมากขึ้น เป็นสิ่งที่ต้องระวัง"นางธาริษา กล่าว
สำหรับการปล่อยสินเชื่อเข้าสู่ระบบนั้นมีแนวโน้มดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นเรื่องดีที่รัฐบาลใช้กลไกผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ขณะที่ผู้ประกอบการรายใหญ่มีการระดมทุนด้วยการออกตราสารหนี้แทนการขอสินเชื่อ
ขณะที่ ธปท.เห็นว่า แนวทางการดูแลสถาบันการเงินในขณะนี้มีความเหมาะสมแล้ว ยังไม่จำเป็นต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้มีความเข้มงวดมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมามีการหารือร่วมกันเป็นระยะ ๆ และยังไม่พบปัญหาหรืออุปสรรคในการปล่อยสินเชื่อ