สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นดัชนีหลักที่ใช้วัดภาวะเงินเฟ้อ ร่วงลงแตะระดับ 1.6% ในเดือนส.ค. จากระดับ 1.8% ในเดือนก.ค. ถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2548 ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ดัชนีราคาผู้ค้าปลีก (RPI) ซึ่งเป็นดัชนีที่ใช้ชี้วัดเงินเฟ้ออีกทางหนึ่งโดยรวมต้นทุนเกี่ยวกับบ้าน ปรับตัวขึ้นแตะที่ -1.3% ในเดือนส.ค. จากระดับ -1.4% ในเดือนก.ค.
ฟิลิป ชอว์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากอินเวสเทคกล่าวกับบีบีซีนิวส์ว่า เขาเชื่อว่า CPI จะร่วงลงต่ำกว่าระดับ 1% ในเดือนก.ย.
ทั้งนี้ ธนาคารกลางอังกฤษตั้งเป้าที่จะรักษาตัวเลขเงินเฟ้อไว้ที่ระดับ 2% เพื่อเสถียรภาพของราคาซึ่งจะส่งผลสืบเนื่องถึงเสถียรภาพของเศรษฐกิจในวงกว้าง
บีบีซีรายงานว่า ถ้า CPI ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 1% นายเมอร์วิน คิง ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ จะต้องเขียนหนังสือชี้แจงถึงนายอลิสแตร์ ดาร์ลิง รมว.คลัง หลังจากที่นายคิงได้เคยเขียนจดหมายถึงรัฐบาลเมื่อครั้งที่เงินเฟ้อพุ่งขึ้นไปยืนอยู่ที่เหนือระดับ 3% ในช่วงปี 2550 และ 2551 เนื่องจากเงินเฟ้อที่ระดับดังกล่าวนั้นเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้มาก ดังนั้นเมื่อเงินเฟ้อร่วงลงกว่าระดับเป้าหมายมาก จึงถือเป็นเรื่องน่ากังวลไม่ต่างกัน
สำหรับสาเหตุที่ทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อร่วงลงในเดือนส.ค.นั้น สำนักงานสถิติระบุว่า เป็นเพราะราคาอาหารที่ลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2543 อีกทั้งค่าบริการสาธารณะที่ไม่เพิ่มขึ้นในปีนี้