ยุโรปขึ้นแท่นเป็นทวีปที่ร่ำรวยที่สุดในโลกในปีที่แล้ว พร้อมเขี่ยอเมริกาเหนือตกอันดับหลังจากที่เคยรั้งแชมป์ดังกล่าวก่อนหน้านี้ ขณะที่สหรัฐยังครองความเป็นประเทศสุดมั่งคั่งและมีจำนวนมหาเศรษฐีมากที่สุดในโลก
บอสตัน คอนซัลติ้ง กรุ๊ป เผยผลสำรวจทวีปที่มีความมั่งคั่งมากที่สุดโดยพิจารณาจากสินทรัพย์ที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการ พบว่า อเมริกาเหนือมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการทั้งสิ้น 29.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับยุโรปที่มีสินทรัพย์ทั้งสิ้น 32.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2551 แต่สหรัฐยังคงเป็นประเทศที่ร่ำรวยที่สุดด้วยมูลค่าสินทรัพย์ 27.1 ล้านล้านดอลลาร์และมีมหาเศรษฐีมากที่สุดเกือบ 4 ล้านคน ตามด้วยญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศที่มั่งคั่งมากเป็นอันดับสองด้วยสินทรัพย์ 13.5 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่มีจำนวนมหาเศรษฐีกว่า 1 ล้านครัวเรือน
อย่างไรก็ตาม ระดับความร่ำรวยของประเทศต่างๆทั่วโลกในปีที่ผ่านมาปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มทำการสำรวจในปี 2544 เมื่อพิจารณาจากสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการที่ลดลง 11.7% สู่ระดับ 92.4 ล้านล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับที่มีอยู่ 104.7 ล้านล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้านี้ เนื่องจากวิกฤตสินเชื่อได้ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นทรุดหนักสุดนับตั้งแต่ยุคเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่และยังบั่นทอนมูลค่าสินทรัพย์ในภาคอสังหาริมทรัพย์ กองทุนเฮดจ์ฟันด์ รวมถึงการลงทุนในกลุ่มไพรเวท อิควิตี้ในปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ อเมริกาเหนือเผชิญภาวะตกต่ำหนักสุดด้วยตัวเลขสินทรัพย์ที่ลดลง 22% ตามด้วยญี่ปุ่นที่มีสินทรัพย์ตกลงเกือบ 8% สวนทางกับลาตินอเมริกา ซึ่งเป็นทวีปเดียวที่มีอัตราการขยายตัวของสินทรัพย์เพิ่มขึ้น 3%
นอกจากนี้ จำนวนครอบครัวมหาเศรษฐีทั่วโลกปรับตัวลดลงมาเหลือ 9 ล้านครัวเรือนจากระดับ 11 ล้านครัวเรือน โดยอเมริกาเหนือและยุโรปมีจำนวนเศรษฐีลดลง 22% บลูมเบิร์กรายงาน