เมอร์วิน คิง ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ กล่าวว่า ผลพวงของวิกฤตการเงินซึ่งมีจุดเริ่มต้นมาจากการล้มละลายของเลห์แมน บราเธอร์ส เมื่อหนึ่งปีที่ผ่านมานั้น จะแผ่ขยายเป็นวงกว้างและยืดเยื้อยาวนาน
นายคิงกล่าวว่า ยังมีหนทางอีกยาวไกลและยากลำบากรออยู่เบื้องหน้าสำหรับการปรับโครงสร้างภาคการเงินของประเทศ พร้อมกับชี้ว่า นับจากนี้ ธนาคารต่างๆจะต้องมีทุนกันชน (capital buffers) และสินทรัพย์คล่องตัวเพิ่มขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อทำให้ระบบการเงินมีความอ่อนไหวน้อยลงกว่านี้ต่อสถานการณ์ที่สร้างความแตกตื่น เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ซ้ำรอยกับปีที่ผ่านมา
ผู้ว่าแบงก์ชาติอังกฤษยังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้มีสัญญาณว่าเศรษฐกิจอังกฤษเริ่มกลับมาขยายตัวในไตรมาส 3 ขณะที่เงินเฟ้อมีแนวโน้มผันผวนในช่วงปีหน้า
อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งและความยั่งยืนของการฟื้นตัวนั้นยังมีความไม่แน่นอนอยู่ในระดับสูง และยังคงมีความเสี่ยงว่าเงินเฟ้อจะร่วงลงต่ำกว่าระดับเป้าหมายที่ 2% ของธนาคารกลางและรัฐบาลอังกฤษ
ทั้งนี้ เศรษฐกิจอังกฤษหดตัวลง 5 ไตรมาสติดต่อกัน โดยในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา จีดีพีอังกฤษขยายตัวติดลบ 0.8% และนักวิเคราะห์หลายรายคาดว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะหดตัวมากกว่า 4% ในปี 2552