เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวสุนทรพจน์ที่สถาบันบรูคิงส์ รัฐวอชิงตัน เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปีแห่งการล้มละลายของเลห์แมน บราเธอร์ส ว่า มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1930 ของสหรัฐจะสิ้นสุดลง
"จากมุมมองทางเทคนิคพบว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวขึ้นในขณะนี้ และมีความเป็นไปได้อย่างมากว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1930 จะสิ้นสุดลง แต่ในอีกมุมมองหนึ่งก็พบว่าเศรษฐกิจยังคงอยู่ในภาวะที่เปราะบางและอ่อนแอเนื่องจากประชาชนจำนวนมากรู้สึกไม่มั่นคงเรื่องตำแหน่ง เนื่องจากอัตราว่างงานพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันอัตราว่างงานในสหรัฐอยู่ที่ระดับ 9.7% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 26 ปี และนับตั้งแต่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเริ่มต้นขึ้นในเดือนธ.ค.ปี 2550 จำนวนคนว่างงานในสหรัฐมีอยู่ทั้งสิ้น 6.9 ล้านคน" เบอร์นันเก้กล่าว
เบอร์นันเก้กล่าวว่า "คณะกรรมการเฟดคาดการณ์ว่าอัตราว่างงานในปีนี้จะพุ่งขึ้นแตะระดับ 10.8% และสหรัฐอาจจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 4 ปีที่จะทำให้อัตราว่างงานปรับตัวลดลงสู่ระดับปกติที่ 5% แม้ข้อมูลทางเทคนิคบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวปานกลางในปีหน้า แต่อัตราว่างงานก็จะพุ่งขึ้นตามไปด้วย และนี่เป็นสถานการณ์ที่คณะกรรมการเฟดกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง"
นอกจากนี้ เบอร์นันเก้กล่าวว่า มีหลายปัจจัยที่คาดว่าจะขัดขวางการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐ รวมถึงภาวะขาดการลงทุนในภาคเอกชน ซึ่งเป็นผลมาจากการเข้าถึงสินเชื่อได้ยากขึ้น นอกจากนี้ การที่ผู้บริโภคใช้จ่ายน้อยลงและเพิ่มการออมทรัพย์ ก็เป็นอีกปัจจัยที่อาจทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวช้าลงด้วย
บลูมเบิร์กรายงานว่า การแสดงความคิดเห็นของเบอร์นันเก้เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปีแห่งการล้มละลายของเลห์แมน บราเธอรส์ มีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีบารัค โอบามา เนื่องในโอกาสเดียวกันที่เฟดเดอรัล ฮอล รัฐนิวยอร์ก โดยเตือนบรรดาผู้นำทางการเมืองในวอลล์สตรีทว่า ไม่ควรใช้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐเป็นข้ออ้างในการกลับไปดำเนินกิจการ "แบบหละหลวมและขาดความรับผิดชอบ" ที่จะนำไปสู่ภาวะล่มสลายครั้งใหม่ พร้อมกับประกาศว่าการนำเงินภาษีราษฎรไปช่วยอุ้มกิจการของสถาบันการเงินก็ไม่อาจช่วยให้ประเทศรอดพ้นจากภาวะล้มละลายได้
โอบามากล่าวว่าเขายังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐ โดยคาดว่าตัวเลขจ้างงานได้ดิ่งลงไปแตะระดับต่ำสุดแล้วและมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวขึ้น และยืนยันว่ารัฐบาลจะยังไม่ยุติการใช้มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ นอกจากนี้ โอบามาให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องภาคการเงินและจะเพิ่มสิทธิอำนาจให้เฟดเข้ามากำกับดูแลระบบการเงินมากขึ้น