สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) คาดการณ์ว่า อุตสาหกรรมการบินทั่วโลกจะขาดทุนรวมทั้งสิ้น 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีนี้ หลังจากในช่วงครึ่งปีแรกขาดทุนไปแล้ว 6 พันล้านดอลลาร์ และคาดว่าอุตสาหกรรมจะยังไม่สามารถทำกำไรได้จนถึงปีพ.ศ.2554 ซึ่งเป็นผลมาจากราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นและอัตราค่าธรรมเนียมที่ปรับตัวลดลง
จิโอแวนนี บิซินอานี ผู้อำนวยการและซีอีโอของ IATA กล่าวว่า สายการบินทั่วโลกประสบความยากลำบากเนื่องจากประชาชนใช้บริการการเดินทางทางอากาศน้อยลง โดยเฉพาะที่นั่งเฟิร์สท์คลาสซึ่งเคยทำให้สายการบินมีกำไรมากที่สุด ซึ่งในระยะหนึ่งนักธุรกิจที่เคยจองที่นั่งเฟิร์สท์คลาสหันมาจองที่นั่งระดับบิสิเนสกันมากขึ้น ทำให้กำไรจากการบริการที่นั่งเฟิร์สท์คลาสหดตัวลง 20% และส่งผลกระทบต่อผลกำไรโดยรวมของอุตสาหกรรมด้วย
IATA คาดว่า อุตสาหกรรมการบินทั่วโลกจะยังไม่สามารถทำกำไรได้จนถึงปีพ.ศ.2554 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยทำให้สายการบินทั่วโลกขาดทุนในช่วงปีพ.ศ.2550-2552 มากกว่าในช่วงปี 2544-2545 หลังจากเกิดวินาศกรรม 9/11 ในสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการ IATA คาดว่า เศรษฐกิจโลกเริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัว โดยเฉพาะในเอเชีย ซึ่งอาจจะช่วยกระตุ้นประชาชนให้หันมาใช้บริการการเดินทางทางอากาศมากขึ้น แต่เนื่องจากอัตราว่างงานที่พุ่งสูงขึ้นและราคาน้ำมันที่แพงขึ้น อาจทำให้ประชาชนเลือกที่จะจ่ายค่าเดินทางที่ถูกกว่า ซึ่งปัจจัยดังกล่าวอาจขัดขวางการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบิน
ส่วนสายการบินผู้ให้บริการด้านการขนส่งสินค้าก็ชะลอตัวลงเช่นกัน โดยขณะนี้มีผู้ให้บริการการบินขนส่งเพียงไม่กี่รายเท่านั้น ล่าสุดสายการบินเดลต้า แอร์ไลน์ส เปิดเผยว่าทางสายการบินจะระงับการให้บริการเครื่องบินขนส่งโบอิ้ง 747 จำนวน 14 ลำภายในปลายปีนี้ อย่างไรก็ตาม การให้บริการเที่ยวบินขนส่งในเดือนก.ค.ลดลงเพียง 11.3% จากปีที่แล้ว ซึ่งปรับตัวน้อยลงเมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.ที่ร่วงลง 23.2% เอพีรายงาน