ผลสำรวจจากบริษัทที่ปรึกษาชื่อดังเผยบรรดาผู้บริหารบริษัทเอกชนยังคงเผชิญกับภาวะวิกฤต หลังจากที่เลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิ้ง อิงค์ล้มหายจากระบบเศรษฐกิจไปแล้ว 1 ปีเต็ม แต่บริษัทส่วนใหญ่ต้องปรับลดต้นทุนการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
บลูมเบิร์กรายงานผลสำรวจความเห็นผู้บริหาร 1,677 รายจากทุกภาคอุตสาหกรรมที่จัดทำโดยบริษัท McKinsey & Co ซึ่งระบุว่า "หนึ่งปีหลังจากที่ระบบเศรษฐกิจโลกเกือบล่มสลาย บริษัทหลายแห่งต่างหาทางกระตุ้นผลกำไร แต่ผลที่ได้กลับกลายเป็นว่ากำไรหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ความหวังที่มีต่อระบบเศรษฐกิจยังคงเลือนราง"
นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐครั้งที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ทศวรรษ 1930 อาจสิ้นสุดลงแล้ว แต่การขยายตัวจะยังไม่แข็งแรงพอที่จะช่วยลดอัตราว่างงานได้เร็วนัก
โดยตลาดหุ้นพุ่งขึ้นคึกคักท่ามกลางความหวังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้น ซึ่งดัชนี MSCI World stock ขยายตัว 22% ขณะที่ตลาดพันธบัตรให้ผลตอบแทนแก่นักลงทุน 13% ในปีนี้
ขณะเดียวกัน มีผู้ตอบแบบสอบถามไม่ถึง 10% ที่คาดว่ายอดขายจะลดลง เพราะผู้บริโภคและภาคเอกชนไม่สามารถเข้าถึงเงินกู้ได้ ขณะที่เกือบ 50% คาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 5 ปีข้างหน้า และกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับการกีดกันทางการค้าในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาเริ่มแผ่วลงเช่นกัน
ทั้งนี้ ผู้บริหารชาวจีนและประเทศอื่นๆคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะเริ่มดีดตัวขึ้น โดยเฉพาะแนวโน้มเศรษฐกิจจีนที่คึกคักซึ่ง 82% ของผู้ตอบแบบสอบถามคาดว่าเศรษฐกิจจีจจะขยายตัวแข็งแกร่งในปีนี้