ริโอ ทินโต กรุ๊ป บริษัทเหมืองรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก และแฮร์รี่ วินสตัน ไดมอนด์ คอร์ป ได้เปิดเหมืองไดวิคที่ประเทศแคนาดาแล้ว เนื่องจากความต้องการเพชรฟื้นตัวขึ้น โดยราคาเพชรกำลังดีดตัวขึ้นหลังจากที่ร่วงลงและทำให้กำไรของบริษัท ZAO Alrosa ริโอ ทินโต เดอ เบียร์ส หดตัวลง โดยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ทั้ง 3 บริษัทได้เริ่มเปิดเหมืองอีกครั้ง รวมทั้งฟื้นการผลิตเพื่อตอบรับกับการคาดการณ์เรื่องเศรษฐกิจฟื้นตัวในสหรัฐ และดีมานด์เครื่องประดับอัญมณีที่สูงขึ้นในจีนและอินเดีย
ทั้งนี้ เหมืองไดวิคที่แคนาดานั้น แฮร์รี่ วินสตัน ถือหุ้นอยู่ 40% ขณะที่ริโอ ทินโต ถือหุ้นส่วนที่เหลือทั้งหมด ก่อนหน้านี้ บริษัทวางแผนที่จะปิดเหมืองไดวิคตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. - 11 ม.ค. หลังจากที่ปิดเหมืองไปเมื่อวันที่ 24 ส.ค. ซึ่งปัจจุบันเหมืองดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนของการผลิตที่ระดับก่อนที่จะมีการปิดเหมือง
บลูมเบิร์กรรายงานว่า หุ้นริโอ ทินโต ดีดตัวขึ้น 1.7% ในตลาดหุ้นออสเตรเลีย เมื่อเวลา 13.19 น.ตามเวลาท้องถิ่นในออสเตรเลีย โดยเพชรและทองแดงคิดเป็นสัดส่วน 32% ของรายได้ด้านการปฏิบัติการของบริษัทเมื่อปีที่แล้ว
ริโอ ทินโต เปิดเผยว่า จะเริ่มงานส่วนขยายเหมืองเพชร Argyle มูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นเหมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกปีหน้า
เควิน แมคลีช ซีโอโอของ Argyle กล่าวว่า ธุรกิจเหมืองเพชรของริโอ ทินโต คงจะมีการปรับปรุงเป็นจำนวนมาก หลังจากที่มีการคาดการณ์ว่า ราคาเพชรจะสูงขึ้น
เดอ เบียร์ส ซึ่งเป็นผู้ผลิตเพชรรายใหญ่สุดที่แองโกล อเมริกัน, อัลโรซา และริโอ ทินโตถือหุ้นอยู่นั้น คาดว่า ดีมานด์เพชรจะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง และเมื่อเดือนที่แล้ว บริษัทก็ทำยอดขายเพชรได้สูงที่สุดในปีนี้
ทั้งนี้ ราคาเพชรดีดตัวขึ้นมาแล้ว 4% ตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา และดัชนี Rapaport Diamond Trade Index ก็ซื้อขายกันอยู่ที่ 6,882 ดอลลาร์ในสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 8 ก.ย. และราคาได้อ่อนตัวลงมา 26% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา