นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง เตรียมเสนอที่ประชุม ครม. วันที่ 29 ก.ย.52 ให้ความเห็นชอบรายละเอียดโครงการลงทุนตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง วงเงิน 1 แสนล้านบาท ภายใต้ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ จากวงเงินที่เหลือจากการชดเชยเงินคงคลังเหลือเพียง 1 แสนล้านบาท
โดยในปี 53 จะมีเม็ดเงินลงทุนตามโครงการไทยเข้มแข็ง รวม 3 แสนล้านบาท ซึ่งตั้งเป้าให้มีการเบิกจ่ายงบประมาณให้ได้ 80% ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 2.7%ของจีดีพี
รมว.คลัง กล่าวอีกว่า จากการที่มีนักวิชาการมองว่าเศรษฐกิจโลกยังมีความเปราะบาง และอาจไม่มีการฟื้นตัวตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้นั้น ยังเชื่อมั่นว่าจากมาตรการของรัฐบาลจะสามารถรองรับผลกระทบจากภายนอกที่อยู่นอกเหนือจากการคาดการณ์ได้ นอกจากนี้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ไม่ได้เกิดจากรัฐบาลเท่านั้น แต่มาจากการฟื้นตัวของภาคเอกชนควบคู่กันไปด้วย
"จากที่นักวิชาการมองว่าเศรษฐกิจไทย ไตรมาส 2/52 เติบโตได้เมื่อเทียบไตรมาส 1/52 มาจากบทบาทภาครัฐ แต่หากดูความเป็นจริง บทบาทภาคเอกชนมีส่วนสำคัญเช่นกัน ที่ต้องเติบโตควบคู่กัน ซึ่งมาจากระดับความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่พร้อมขยายการลงทุนหรือบริโภคมากขึ้น" รมว.คลัง กล่าว
ทั้งนี้ ตนเองเตรียมเดินทางไปประเทศอังกฤษ ในวันพรุ่งนี้ (17 ก.ย.) ตามคำเชิญของ นิตยสาร The Economist ในเวที Economic Forum เพื่อชี้แจงข้อมูลและการดำเนินนโยบายและมาตรการเพื่อดูแลเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่ต้องมีบทบาทในการให้ข้อมูลอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลได้มีการชี้แจงข้อมูลเศรษฐกิจ การเงิน ต่อนักธุรกิจ นักลงทุนต่างประเทศมาแล้วเมื่อ มี.ค.52 หลังจากที่รัฐบาลมีการวางแผนการดำเนินนโยบายต่างๆ ที่ชัดเจน และได้ส่งผลในเชิงบวก สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน ทั้งการลงทุนโดยตรง และการลงทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ สะท้อนว่า รัฐบาลได้รักษาระดับความเชื่อมั่นได้ แม้จะมีความผันผวนทางการเมือง เมื่อ เม.ย.52
สำหรับการประกาศ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในวันที่ 18-22 ก.ย.นี้ เป็นเรื่องของการแสดงความพร้อมของรัฐบาล เพื่อให้ประชาชน นักธุรกิจ เชื่อมั่นว่า รัฐบาลพร้อมใช้กฎหมายเพื่อรัษาสิทธิโดยรวมให้อยู่อย่างสงบสุข เดินหน้าโดยใช้วิถีชีวิตอย่างสงบ อยู่ภายใต้กฎหมาย เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ที่ผู้ชุมนุมมีเจตนาจะสร้างปัญหา หากรัฐบาลไม่มีการเตรียมพร้อม อาจนำไปสู่การสร้างความเสียหายเหมือนเหตุการณ์เมื่อ เม.ย. 52
"ยืนยันว่าสนับสนุนการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง และเชื่อว่าประชาชน นักธุรกิจ นักลงทุน เห็นด้วยกับแนวทางที่รัฐบาลใช้ แต่หากไม่มีการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงก็เป็นเรื่องดี แต่เมื่อสถานการณ์ที่สื่อว่าจะเกิดความรุนแรง รัฐก็ต้องใช้เครื่องมือทางกฎหมายเท่าที่มีเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง" รมว.คลัง กล่าว
ส่วนกรณีที่มีความกังวลว่า นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ที่เตรียมเดินทางไปต่างประเทศช่วงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง วันที่ 19 ก.ย.นี้นั้น อาจไม่ได้เดินทางกลับประเทศเหมือนกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย เพราะที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้เดินทางเยือนต่างประเทศหลายครั้ง และการเดินทางครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติใดๆ