นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง เปิดเผยผลการเบิกจ่ายงบกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับเพิ่มเติมกลางปีจำนวน 116,700 ล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการต่างๆ 16 โครงการว่า ล่าสุดจนถึงวันที่ 11 ก.ย.52 มีการเบิกจ่ายแล้ว 89,912 ล้านบาท คิดเป็น 77%
โดยโครงการที่มีการเบิกจ่ายสูงสุด 5 โครงการ ได้แก่ โครงการสร้างหลักประกันด้านรายได้ให้แก่ผู้สูงอายุ 8,998 ล้านบาท คิดเป็น 100% ของงบประมาณที่ได้รับในแต่ละโครงการ รองลงมา โครงการส่งเสริมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) 3,000 ล้านบาท คิดเป็น 100%, โครงการ 5 มาตรการ 6 เดือนเพื่อลดค่าครองชีพของประชาชน 11,050 ล้านบาท คิดเป็น 97%, โครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐหรือโครงการเช็คช่วยชาติ 17,982 ล้านบาท คิดเป็น 95% และโครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี 16,924 ล้านบาท คิดเป็น 87%
"สำหรับโครงการที่ยังไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทันภายในสิ้นเดือนกันยายน 52 ก็คงต้องกันเงินไว้เบิกในปีถัดไป แต่จะพยายามเร่งรัดให้มีการเบิกจ่ายให้มากยิ่งขึ้นเพราะงบดังกล่าวเป็นงบที่จัดสรรเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยตรง" นายพฤฒิชัย กล่าว
รมช.คลัง กล่าวถึงผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำปี 52 ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงวันที่ 11 ก.ย.52 ว่าส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายไปแล้ว 83.12% และรายจ่ายงบลงทุนเบิกจ่ายแล้ว 71.15% จนถึงสิ้นเดือนก.ย.52 จะเบิกจ่ายได้ตามเป้าหมาย คือ 74% ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ต้องเร่งเบิกจ่ายให้ทันภายในสิ้นเดือนก.ย.52 มิเช่นนั้นจะไม่อนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี แม้ว่าจะก่อหนี้ผูกพันทันแต่ถ้าวงเงินไม่ถึง 50,000 บาท ก็ไม่สามารถกันเงินไว้ได้ตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนดไว้
สำหรับหน่วยงานที่ได้รับงบประมาณรายจ่ายลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท มี 25 หน่วยงาน มีรายจ่ายลงทุนรวมกันทั้งสิ้น จำนวน 268,773.17 ล้านบาท หรือ 75.50% ของวงเงินรายจ่ายลงทุน 356,008.87 ล้านบาท มีการเบิกจ่ายแล้ว 201,423.40 ล้านบาท หรือ74.94% ของรายจ่ายลงทุน(268,773.17 ล้านบาท)
มีหน่วยงานที่เบิกจ่ายต่ำกว่าเป้าหมาย 15 หน่วยงาน สาเหตุที่เบิกจ่ายล่าช้า มี 3 สาเหตุสำคัญคือ 1.การเปลี่ยนแปลงรูปแบบรายการ บางหน่วยงานยังมีทำให้ในปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนการประกวดราคา 2.การประสบปัญหาได้รับการต่อต้านจากมวลชน ทำให้ไม่สามารถดำเนินงานต่อไปได้ ต้องมีการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ดำเนินงาน และ 3.โครงการที่ผูกพันข้ามปีงบประมาณ หน่วยงานได้มีการเบิกจ่ายจากเงินงบประมาณที่กันไว้เบิกเหลื่อมปีก่อน หลังจากนั้นจึงจะเบิกจ่ายจากงบประมาณปีปัจจุบัน
สำหรับงบประมาณเงินอุดหนุนในส่วนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 134,766.64 ล้านบาท เบิกจ่ายแล้วจำนวน 113,685.49 ล้านบาท 84.36% ในส่วนของรัฐวิสาหกิจที่ได้รับรายจ่ายลงทุนทั้งสิ้น 17 แห่ง มีรายจ่ายลงทุนรวมกัน 13,753.57 ล้านบาท หรือ 3.86% ของวงเงินรายจ่ายลงทุน 356,008.87 ล้านบาท มีการเบิกจ่ายแล้ว 7,572.73 ล้านบาท หรือ 55.06% ของรายจ่ายลงทุน (13,753.57 ล้านบาท)
โดยมีรัฐวิสาหกิจที่ได้รับรายจ่ายลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)มีอัตราการเบิกจ่าย 21.93%, การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) อัตราการเบิกจ่าย 39.03%, การเคหะแห่งชาติ(กคช.) อัตราการเบิกจ่าย 70.73% และการประปาส่วนภูมิภาค(กปภ.) อัตราการเบิกจ่าย 79.59%
สาเหตุการเบิกจ่ายล่าช้าเนื่องจากมีการปรับลดขนาดการลงทุน ประกอบกับรัฐวิสาหกิจมีแหล่งเงินหลายแหล่ง ได้แก่ เงินกู้ รายได้ของรัฐวิสาหกิจเอง และงบประมาณโดยจะเบิกจ่ายจากเงินกู้และรายได้ก่อน
"ภาพรวมผลการเบิกจ่ายจนถึง 11 ก.ย.52 น่าพอใจ คาดว่าทั้งปีงบประมาณจะสามารถเบิกจ่ายได้ตามเป้าหมาย สำหรับเงินงบประมาณภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ที่จะเริ่มเบิกจ่ายในปี 2553 นี้ได้กำหนดหลักเกณฑ์วิธีการเบิกจ่าย และการบันทึกบัญชีในระบบ GFMIS เรียบร้อยแล้ว รวมทั้งการผ่อนคลายระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง โดยลดขั้นตอนและระยะเวลาจากเดิม 85 วัน เหลือเพียง 28 วัน โดยหวังว่าจะมีการเบิกจ่ายได้อย่างรวดเร็ว แต่คงต้องเตรียมการเกี่ยวกับมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายไว้ด้วย" นายพฤฒิชัย กล่าว