การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) เผยรายงานการลงทุนโลก 2552 ที่ระบุว่า ฮ่องกงดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศได้มากเป็นประวัติการณ์ถึง 6.3 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2551 หรือมากเป็นอันดับ 2 ในเอเชียและอันดับ 7 ของโลก
โดยไซมอน กัลพิน ผู้อำนวยการทั่วไปฝ่ายสนับสนุนการลงทุนของกรมการลงทุนแห่งฮ่องกง กล่าวว่า จีนเป็นแหล่งใหญ่ที่ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ ดังนั้นฮ่องกงซึ่งเปรียบเสมือนหน้าต่างของจีนจึงได้รับผลพลอยได้ไปด้วย
"แม้เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศจะลดลงทั่วโลก แต่เม็ดเงินที่ไหลเข้าสู่ฮ่องกงกลับพุ่งสูงในปีที่แล้ว" กัลพิน กล่าว "จีนเป็นประเทศเดียวที่เศรษฐกิจขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง นักลงทุนจำนวนมากที่ต้องการลงทุนในจีนจึงเลือกลงทุนในฮ่องกงก่อนเพื่อสำรวจตลาด"
เมื่อปีที่แล้วฮ่องกงดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศได้ 6.3 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้น 15.9% จากปี 2550 ในขณะที่จีนซึ่งดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศได้มากเป็นอันดับ 1 ในเอเชียและอันดับ 3 ของโลก สามารถดึงดูดเม็ดเงินได้มากขึ้น 29.7% แตะ 1.083 แสนล้านดอลลาร์ ส่วนอันดับ 1 และ 2 ตกเป็นของสหรัฐและฝรั่งเศส
ส่วนเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศโดยรวมทั่วโลกลดลง 14.1% แตะ 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ และสำหรับปีนี้ UNCTAD คาดการณ์ว่าเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศจะลดลงอีกจนแตะ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์
"เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศน่าจะลดลงเมื่อพิจารณาจากสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซา" ลีโอนาร์ด เฉิง คณบดีคณะบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งฮ่องกง ซึ่งช่วยวิเคราะห์รายงานฉบับนี้ กล่าว
"อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจจีนและฮ่องกงค่อนข้างมีเสถียรภาพเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ดังนั้นเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศน่าจะลดลงในอัตราทีช้าลง" เฉิงกล่าว
ทั้งนี้ ฮ่องกงดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศได้ 1.18 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปีนี้ หรือลดลงเกือบ 40% เมื่อเทียบเป็นรายปี สำนักข่าวเกียวโดรายงาน