รมช.คลังเม็กซิโกเผยภาวะเศรษฐกิจถดถอยในเม็กซิโกกำลังคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นในช่วงไตรมาส 3 หลังอุปสงค์ผู้บริโภคในสหรัฐกระเตื้องขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการฟื้นตัวในภาคอุตสาหกรรมการผลิตและการสร้างงาน
อเลจันโดร เวอร์เนอร์ รมช.คลังเม็กซิโกคาดว่า ตัวเลขผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาส 3 อาจหดตัวเพียง 7% จากปีก่อนหน้านี้ ซึ่งดีขึ้นจากที่ดิ่งหนัก 10.3% ในไตรมาสที่แล้ว เนื่องจากเศรษฐกิจได้รับปัจจัยหนุนจากการขยายตัวของสินเชื่อซึ่งช่วยกระตุ้นความต้องการในตลาดอสังหาริมทรัพย์และยานยนต์มากขึ้น ขณะที่ยอดขายในร้านค้าปลีกของสหรัฐซึ่งนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกถึง 80% ขยายตัว 2.7% ในเดือนส.ค.
เวอร์เนอร์กล่าวว่า "เห็นได้ชัดว่าในช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจเม็กซิโกได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภาวะขาลงของภาคการผลิตในสหรัฐ แต่ขณะนี้เราเดินมาถูกทางแล้วในการกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายตัวสอดคล้องกับการฟื้นตัวจากทั่วโลก"
ด้านประธานาธิบดีฟิลิเป้ คาลเดอรอน ของเม็กซิโกได้ยื่นข้อเสนอด้านการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแก้ปัญหาเรื่องตัวเลขขาดดุลบัญชีในปีหน้าที่คาดว่าจะขยายตัวสูงขึ้น ในขณะที่ธนาคารกลางคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะเผชิญภาวะตกต่ำหนักสุดในรอบกว่า 75 ปี
บลูมเบิร์กรายงานว่า สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (S&P) อาจปรับลดอันดับเครดิตของเม็กซิโกที่ BBB+ ก่อนช่วงสิ้นปีนี้ ซึ่งทั้ง S&P และฟิทช์ เรทติ้งส์ ต่างให้แนวโน้มเศรษฐกิจเม็กซิโกเป็นลบ ท่ามกลางความวิตกกังวลต่อผลผลิตน้ำมันในเดือนก.ค.ที่ลดลง 7.8% จากปีที่แล้วซึ่งจะส่งผลต่อยอดขาดดุลบัญชี
ทั้งนี้ รายได้จากผลผลิตน้ำมันในเม็กซิโกมีสัดส่วนคิดเป็น 38% ของดุลบัญชีงบประมาณในประเทศ ขณะที่ยอดขาดดุลบัญชีอันสืบเนื่องมาจากโครงการของรัฐบาลจะเพิ่มขึ้นเป็น 3% ของจีดีพีในปีนี้ จากระดับ 2.1% ในปีที่แล้ว