บีโอไอ เตรียมเปิดสนง.ในสวีเดน หวังดึงเม็ดเงินลงทุนจากกลุ่มสแกนดิเนเวีย

ข่าวเศรษฐกิจ Sunday September 20, 2009 13:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรม เตรียมเปิดสำนักงานต่างประเทศแห่งที่ 13 ของบีโอไอ ณ กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน คาดช่วยดึงเม็ดเงินลงทุนจากกลุ่มสแกนดิเนเวีย และระหว่างวันที่ 23-26 กันยายน 2552 กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) จะเดินทางไปกรุงสตอกโฮล์ม เพื่อเปิดสำนักงานส่งเสริมการลงทุนแห่งที่ 13 ณ กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เพื่อทำหน้าที่ในการชักจูงการลงทุนจากประเทศในแถบแสกนดิเนเวียโดยจะมีการจัดกิจกรรมเชิงรุก ช่วยอำนวยความสะดวกและให้ข้อมูลที่สำคัญแก่นักลงทุนใช้ในการประกอบการพิจารณาตัดสินใจเข้ามาดูลู่ทางการลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น

ด้านนางอรรชกา สีบุญเรือง บริมเบิล เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า สำนักงาน ณ กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน จะเป็นสำนักงานแห่งสุดท้ายตามเป้าหมายของบีโอไอ ที่จะเปิดสำนักงานส่งเสริมการลงทุนในต่างประเทศให้ครบ 6 แห่งภายในปี 2552 หลังจากที่บีโอไอได้เปิดสำนักงานในต่างประเทศมาตั้งแต่ปลายปี 2551 จนถึงปัจจุบันสำนักงานที่ได้ดำเนินการเปิดใหม่แล้วทั้ง 5 แห่ง

"สำนักงานในต่างประเทศของบีโอไอที่ได้เปิดขึ้นใหม่นั้น มีส่วนสำคัญที่ทำให้การลงทุนจากประเทศเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากประเทศจีนและเกาหลีใต้ มีการขอรับส่งเสริมการลงทุน เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าตัวจากจีน และเพิ่มร้อยละ 60 จากเกาหลีใต้ และคาดว่าสำนักงานสตอกโฮล์มนี้ก็จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการลงทุนจากกลุ่มสแกนดินีเวียในประเทศไทยได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งที่เป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย เช่น เหล็ก ยานยนต์ ไอซีที สิ่งแวดล้อม และป่าไม้" เลขาธิการบีโอไอกล่าว

สำหรับสวีเดน เป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศสแกนดินีเวีย และอันดับ 20 ของโลก เป็นศูนย์กลางกระจายสินค้าและคมนาคมขนส่งของยุโรปเหนือ รวมถึงเป็นประตูสู่กลุ่มประเทศนอร์ดิก บอลติก และ CIS โดยสำนักงานสตอกโฮล์มจะเป็นศูนย์กลางที่สำคัญในการกระตุ้นให้เกิดการลงทุนจากกลุ่มสแกนดิเนีย ให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย เช่น นอร์เวย์ เดนมาร์ก ฟินแลนด์ เป็นต้น

ทั้งนี้ จากสถิติการส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอ พบว่า ตั้งแต่ปี 1970-2009 มีโครงการลงทุนของสวีเดนในไทยจำนวน 47 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 14,623.6 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ