นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการสายเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)กล่าวภายหลังการหารือร่วมกับผู้บริหารธนาคารพาณิชย์ในวันนี้ว่า ธปท. และธนาคารพาณิชย์เห็นสอดคล้องกันว่ากลไกที่จะขับเคลื่อนสินเชื่อในครึ่งหลังของปี มีหลายปัจจัย ทั้งภาวะเศรษฐกิจ, ฤดูกาลของภาคส่งออก รวมถึงภาคเกษตร, การขยายการผลิตเพื่อสะสมสต็อกใหม่ของภาคธุรกิจ
รวมทั้ง การใช้จ่ายภาครัฐที่จะมีเพิ่มขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อผู้ประกอบการ โดยเฉพาะภาคก่อสร้างทำให้มีความต้องการสินเชื่อมากขึ้น
"สินเชื่อที่จะดีขึ้นในครึ่งปีหลังจากครึ่งปีแรกจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ และการทำธุรกิจของธนาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะสินเชื่อ SMEs ซึ่ง 7 เดือนแรกสินเชื่อปรับลดลงค่อนข้างมาก" นายบัณฑิต กล่าว
แนวโน้มสินเชื่อในครึ่งหลังของปีมีแนวโน้มจะปรับตัวดีขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจ จากที่ 7 เดือนแรกของปีลดลง 212,000 ล้านบาท จากเดือนธ.ค. 51 หรือ 3.68% ถ้าหากเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังปรับตัวดีขึ้นจะทำให้ความต้องการสินเชื่อในระบบดีขึ้นด้วย โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อใช้หมุนเวียนในการทำธุรกิจ (Working Capital)
ส่วนสินเชื่อทั้งปีจะสามารถเป็นบวกได้หรือไม่นั้น นายบัณฑิต กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับว่าภาคเศรษฐกิจเข้มแข็งมากน้อยแค่ไหน แต่ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งก็ให้ความเห็นว่าในไตรมาส 4/52 น่าจะมีความต้องการสินเชื่อมาเป็นพิเศษ โดยเฉพาะจากการส่งออกที่จะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก รวมถึงภาคเกษตร
ประกอบกับ หากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวชัดเจน ความเชื่อมั่นมีเพิ่มขึ้นน่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อสินเชื่อได้ โดยเกณฑ์กำกับดูแลของธปท.ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการปล่อยสินเชื่อแต่อย่างไร