สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) หลังจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ซึ่งกดดันนักลงทุนให้เทขายสัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงสัญญาทองคำและน้ำมันดิบ นอกจากนี้ ตลาดทองคำนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยลบจากข่าววการขายทองคำสำรองของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)
บลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 1,004.90 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 5.40 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 996.30-1,008.30 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 16.880 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 18.50 เซนต์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ปิดที่ 1,322.20 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 16.00 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 299.15 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 5.35 ดอลลาร์
เลียวนาร์ด แค็ปแลน หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัท Prospector Asset Management ในรัฐอิลลินอยส์กล่าวว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินหลักๆ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดสัญญาทองคำร่วงลง นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดยังซบเซาลงเนื่องจากข่าวการขายทองคำสำรองของไอเอ็มเอฟ
คณะกรรมการบริหารของไอเอ็มเอฟอนุมัตการขายทองคำสำรองในปริมาณ 403.0 ตัน โดยมีเป้าหมายที่จะระดมทุนเพื่อปล่อยเงินกู้ให้กับกลุ่มประเทศยากจน โดยนายโดมินิก สเตราส์ คาห์น ผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟ ได้แสดงความพอใจกับมติดังกล่าว พร้อมกล่าวว่าขั้นตอนการขายทองคำจะต้องทำด้วยความโปร่งใส เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะผันผวนในตลาดทองคำโลก
ไอเอ็มเอฟระบุว่า ทองคำที่นำออกขายในครั้งนี้คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 8 ของปริมาณทองคำสำรองในปัจจุบัน โดยไอเอ็มเอฟเป็นผู้ถือครองทองคำรายใหญ่อันดับ 3 ของโลกรองจากสหรัฐและเยอรมนี นอกจากนี้ การขายทองคำมีเป้าหมายที่จะให้สอดคล้องกับแผนการลดยอดขาดดุลงบประมาณ 400 ล้านดอลลาร์ในอีก 4 ปีข้างหน้า และการลดจำนวนพนักงาน 100 คนของไอเอ็มเอฟ