ริชาร์ด เอลแมน ซีอีโอของบริษัท โนเบิล กรุ๊ป เปิดเผยว่า บรรษัทการลงทุนจีน (CIC) ซึ่งเป็นกองทุนความมั่งคั่งของจีนที่เข้ามาซื้อหุ้นในบริษัทมูลค่า 850 ล้านดอลลาร์เมื่อวานนี้นั้น จะเป็นเพียงนักลงทุนที่อยู่เบื้องหลังเท่านั้น โดยโนเบิลจะใช้เงินทุนที่ได้มาขยายธุรกิจการเกษตรในอเมริกาใต้ ซึ่งรวมถึงบราซิลและอาร์เจนติน่า และจีน
เอลแมนกล่าวต่อไปว่า บริษัทยังคงสนใจที่จะลงทุนในธุรกิจน้ำมันปาล์มในอินโดนีเซียหรือมาเลเซีย เรายังคงมีนโยบายที่จะลงทุนในธุรกิจเกษตรทั่วโลก ประชากรโลกกำลังขยายตัวขึ้น 3-5% ทุกๆปี ซึ่งหมายความถึงดีมานด์อาหารจำนวนมหาศาลที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
บลูมเบิร์กรายงานว่า หุ้นของโนบิลดีดตัวขึ้นมากกว่า 2 เท่าในปีนี้ และทำให้หุ้นของบริษัทเป็นหุ้นท็อปโฟร์ของดัชนีสเตรทส์ไทม์ในตลาดหุ้นสิงคโปร์ โดยการซื้อหุ้นครั้งนี้ CIC ได้ซื้อหุ้นโนเบิล 15% ซึ่งคิดเป็นจำนวนหุ้น 135 ล้านหุ้น และหุ้นใหม่ 438 หุ้น
CIC กำลังขยายการลงทุนในธุรกิจสินค้าโภคภัณฑ์ หลังจากที่ขาดทุนไปกับบริษัทไฟแนนซ์ อาทิ แบล็คสโตน กรุ๊ป และมอร์แกน สแตนลีย์ โดยกำไรของโนเบิลไตรมาส 2 ก็เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า ขณะที่จีนได้เพิ่มการนำเข้าวัตถุดิบ เพื่อกระตุ้นความต้องการใช้จ่าย
จาง จีหมิง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยการจัดสรรสินทรัพย์ของเอชเอสบีซี โฮลดิงส์ กล่าวว่า CIC ได้เริ่มขยายการลงทุนในต่างประเทศในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา และแสดงให้เห็นถึงทิศทางที่ชัดเจนในการลงทุนตั้งแต่การลงทุนในสินทรัพย์ที่อยู่ในรูปของสัญญาไปจนถึงสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทต่างๆ หาก CIC ลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ระยะยาว บรรษัทก็จะเป็นต้องมีบริษัทเทรดดิ้ง
ทั้งนี้ โนเบิลจะใช้เงินสด 926 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือ 6654 ล้านดอลลาร์จากการขายหุ้นใหม่ไปลงทุนเพิ่มเติมในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทการเกษตรทั่วโลก จากเดิมที่ได้จัดหาวัตถุดิบ อาทิ ถั่วเหลือง โกโก้ น้ำตาล กาแฟ และน้ำตาลอยู่แล้ว ขณะที่ยอดขายจากธุรกิจการเกษตรตกลงไป 30% มาอยู่ที่ 3.38 พันล้านดอลลาร์ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้