นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเร่งเสนอการแก้กฎหมาย เพื่อให้ข้าราชการที่เข้าโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด (เออรี่รีไทม์) ให้คงได้รับสิทธิไม่น้อยกว่าเดิม และมีโอกาสเข้าร่วมโครงการจำนวนมากขึ้น
ทั้งนี้ จากข้อกำหนดใหม่ทำให้ข้าราชการที่เข้าโครงการจะไม่สามารถเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือตามพระราชกฤษฎีการเงินช่วยเหลือผู้ซึ่งออกจากราชการตามมาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วนราชการ ปี 2551 จึงต้องมีการแก้ไขกฎหมายให้ครอบคลุม และให้สอดคล้องกับมติ ครม.เมื่อ 24 มี.ค.53 ที่เห็นชอบมาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วนราชการ
สำหรับปีงบประมาณ 53 ได้มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการดังกล่าวหลายประเด็น เช่น จากเดิมกำหนดสัดส่วนของส่วนราชการที่มีจำนวนข้าราชการที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ตั้งแต่ 20% ของจำนวนข้าราชการทั้งหมด ปรับเปลี่ยนโดยให้ลดเหลือเพียง 10% ก็ให้สามารถเข้าร่วมโครงการได้ และปรับลดอายุข้าราชการที่เข้าร่วมโครงการ จาก 50 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป เหลือเพียงอายุตั้งแต่ 45 ปีบริบูรณ์
และปรับเพิ่มเงื่อนไขผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการได้ ต้องไม่เป็นจำเลยในคดีอาญา ซึ่งมิใช่ความผิดลหุโทษหรือความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท กำหนดข้อห้ามไม่ให้ผู้ซึ่งเข้าร่วมโครงการบรรจุกลับเข้าราชราชการประจำในฝ่ายบริหารได้เพิ่มเติม รวมถึงการบรรจุกลับเข้าเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐด้วย
อย่างไรก็ตาม สำหรับเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยเหลือข้าราชการที่เข้าคงโครงการยังคงเดิม โดยจำนวนปีของเวลาราชการที่เหลือ บวกด้วย 8 และคูณด้วยเงินเดือนๆสุดท้าย แต่รวมกันแล้วต้องไม่เกิน 15 เท่าของเงินเดือนสุดท้าย และจะจ่ายเป็นเงินก้อนครั้งเดียว
ปีงบประมาณ 53 มีผู้ที่สามารถเข้าร่วมโครงการจำนวน 24,643 อัตรา ขณะนี้ส่วนราชการได้แจ้งจำนวนผู้เข้าร่วมโครงการแล้ว จำนวน 24,184 อัตรา คิดเป็นวงเงินที่ต้องจ่ายทั้งเงินก้อน เงินบำเหน็จ และเงินบำนาญแล้ว ประมาณ 10,188 ล้านบาท