สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค.ร่วงลง 2.7% แตะระดับ 5.10 ล้านหลัง จากระดับ 5.24 ล้านหลังในเดือนก.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่ายอดขายบ้านมือสองจะอยู่ที่ 5.35 ล้านหลัง ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐยังคงเปราะบาง
ส่วนราคากลางของบ้านในเดือนส.ค.อยู่ที่ 177,700 ดอลลาร์ ลดลง 12.5% จากเดือนส.ค.ปีที่แล้วที่ระดับ 203,200 ดอลลาร์ ขณะที่จำนวนบ้านที่ยังไม่สามารถขายได้ในเดือนส.ค.อยู่ที่ระดับ 3.6 ล้านหลัง ลดลงจากเดือนก.ค.ที่ระดับ 4 ล้านหลัง
เรียลตี้แทรค อิงค์ ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนที่ให้บริการข้อมูลด้านอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า จำนวนบ้านถูกยึดในสหรัฐประจำเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 18% แตะที่ 358,471 หลัง ซึ่งเป็นสถิติที่ปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 6 เดือน เนื่องจากอัตราว่างงานที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 26 ปี ทำให้กลุ่มเจ้าของบ้านไม่สามารถชำระค่าผ่อนบ้านและดอกเบี้ยได้
เอพีรายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองที่ร่วงลงเกินคาดของสหรัฐส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลง 41.11 จุด หรือ 0.42% ปิดที่ 9,707.44 จุด อีกทั้งฉุดสัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ดิ่งลง 3.08 ดอลลาร์ ปิดที่ 65.89 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับในรอบ 8 สัปดาห์เมื่อคืนนี้