(เพิ่มเติม) ผู้ว่า ธปท.ระบุเงินยังไหลเข้าตลาดหุ้นส่งผลบาทผันผวน ยังมั่นใจรับมือได้

ข่าวเศรษฐกิจ Friday September 25, 2009 11:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)กล่าวว่า เงินทุนจากต่างประเทศยังไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินบาทมีความผันผวน แต่ ธปท.ก็มั่นใจว่ามีเครื่องมือและมาตรการต่าง ๆ เพียงพอที่จะดูแลความผันผวนของค่าเงินได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ส่งออกและผู้นำเข้าก็ควรจะปรับตัวเพื่อพร้อมรับสถานการณ์ โดยเฉพาะการทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน ไม่ควรมั่นใจในการคาดการณ์แนวโน้มค่าเงินบาทในอนาคต

สำหรับกระแสข่าวการหารือของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)นัดพิเศษเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น นางธาริษา กล่าวว่า เป็นพูดคุยในด้านวิชาการ ซึ่ง ธปท.ยืนยันที่จะทบทวนภาวะเศรษฐกิจตามกรอบเวลาที่ได้กำหนดเอาไว้

ผู้ว่า ธปท. กล่าวว่า สถานการณ์การเคลื่อนย้ายเงินทุนขณะนี้มีเงินไหลเข้าประเทศจำนวนมากโดยเฉพาะในตลาดหุ้น เช่นเดียวกับทุกประเทศในภูมิภาค ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่า ซึ่ง ธปท.ได้มีการติดตามดูแลความผันผวนของค่าเงินอย่างใกล้ชิด และค่าเงินของประเทศคู่แข่ง คู่ค้าด้วย ซึ่งความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน เกิดจากข่าวสารจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากสหรัฐ และกลุ่มประเทศยุโรป จึงเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง

"เราดูความผันผวน และชำเลืองดูคู่ค้า คู่แข่ง แต่เรามีเครื่องมือดูแล มีมีข้อมูลครบถ้วน รู้ว่าเงินมาจากไหนมีข้อมูลที่ชัดเจนขึ้น เราก็มีมาตรการดูแล"ผู้ว่า ธปท. กล่าว

อย่างไรก็ตาม ผู้ว่า ธปท. ปฎิเสธให้ความเห็นว่าเงินสำรองระหว่างประเทศที่ปรับสูงขึ้นจำนวนมาก เป็นผลจากการที่ ธปท.เข้าไปบริหารจัดการค่าเงินหรือไม่ โดยกล่าวเพียงว่า ธปท.จะเข้าไปดูแลเมื่อเงินบาทมีความผันผวนมาก

ผู้ว่า ธปท. ยังเสนอแนะผู้ส่งออกพร้อมปรับตัวและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้า หลังจากที่ตลาดโลกได้เปลี่ยนแปลงไปจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกครั้งนี้ ทำให้ตลาดสหรัฐที่เคยเป็นผู้ซื้อรายใหญ่เพิ่มความระมัดระวังการใช้จ่ายและลดการนำเข้าสินค้าลง แต่เชื่อมั่นว่ายังมีผู้ซื้อประเทศอื่นที่พร้อม เช่น จีน แต่เนื่องจากระดับรายได้ต่ำกว่าสหรัฐ ดังนั้น ตลาดจะเล็กลง ผู้ส่งออกต้องเปลี่ยนแปลงการผลิตสินค้า หาจุดเด่นจุดแข็ง ผลิตสินค้าให้ดีกว่าประเทศคู่แข่งอื่นๆ

สำหรับการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศคงดอกเบี้ยนโยบายตามกรอบเดิมที่ 0-0.25% เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ เนื่องจากสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐมีมากขึ้น แต่ยังมีความเปราะบาง ดังนั้น คงต้องติดตามข้อมูลการดำเนินนโยบายต่างๆ ของสหรัฐต่อไป

ทั้งนี้ในส่วนการประชุม กนง. วันที่ 21 ต.ค.52 จะมีการพิจารณาความเสี่ยงต่อระเบบเศรษฐกิจ แม้เศรษฐกิจไทยเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวแล้วก็ตาม แต่ต้องระวัง เพราะยังเป็นการฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่เงินเฟ้อยังไม่ใช่ประเด็นที่น่าเป็นห่วง

"เราไม่ทำอะไรตามเฟด แต่ที่เราทำสม่ำเสมอ คือการดูความเสี่ยงของระบบเศรษฐกิจ...ตอนนี้เศรษฐกิจยังผันผวน ต้องติดตามข้อมูลใกล้ชิด และพร้อมทบทวนเมื่อถึงเวลา" ฃนางธาริษา กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ