ออสเตรเลีย แอนด์ นิวซีแลนด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป หรือเอเอ็นแซท ได้ตกลงซื้อหุ้นของไอเอ็นจี กรุ๊ป ในลักษณะของหุ้นที่ถืออยู่ในธุรกิจร่วมทุนด้านประกันชีวิตและการบริหารความมั่งคั่งเป็นเงิน 1.76 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นการซื้อกิจการครั้งใหญ่สุดของเอเอ็นแซทนับตั้งแต่ปี 2546
เอเอ็นแซท ซึ่งเป็นแบงค์รายใหญ่อันดับ 4 ของออสเตรเลีย จะจ่ายเงินสดสำหรับสัดส่วนหุ้น 51% ของไอเอ็นจีที่ถืออยู่ในบริษัท ไอเอ็นจี ออสเตรเลีย และไอเอ็นจี นิวซีแลนด์ คาดว่า ไอเอ็นจีจะสามารถทำกำไรจากการขายหุ้นได้ 300 ล้านยูโร
บลูมเบิร์กรายงานว่า ธนาคารต่างๆของออสเตรเลียซึ่งยังคงสามารถทำกำไรได้แม้จะเผชิญกับวิกฤตการเงิน ได้ระดมทุนผ่านทางการขายหุ้น เพื่อนำเงินมาอุดหนุนการซื้อสินทรัพย์จากบริษัทที่ประสบปัญหาทางการเงิน ทางด้านไมค์ สมิท ซีอีโอของเอเอ็นแซท ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเป็นผู้บริหารในแผนกเอเชียของเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ ได้ตกลงซื้อธุรกิจในเอเชียของโรยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ไปแล้ว 6 ประเทศ
ทอม ควอมไบ นักวิเคราะห์ของแมคควอรี กรุ๊ป กล่าวว่า ราคาซื้อขายดังกล่าวดูเหมือนว่าจะสมเหตุสมผล แม้ว่าจะมีการพูดกันมาบ้างถึงบริษัทร่วมทุนดังกล่าวว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม แต่ก็ถือว่าเป็นทางเลือกสำหรับไอเอ็นจีที่ต้องการซื้อกิจการในธุรกิจบริหารความมั่งคั่งมากกว่าเดิม
ไอเอ็นจี ซึ่งต้องการระดมทุนเพื่อชำระหนี้ให้กับรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ และเอเอ็นแซทได้ควบรวมกิจการธุรกิจประกันและบริหารความมั่งคั่งในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เมื่อปี 2545 ซึ่งมีพนักงานอยู่ 2,700 ราย ภายใต้เงื่อนไขของการร่วมทุนดังกล่าว เอเอ็นแซทและไอเอ็นจีไม่สามารถใช้วิธีการเทคโอเวอร์ธุรกิจบริหารความมั่งคั่งโดยไม่เปิดทางเพื่อทำข้อตกลงกับพาร์ทเนอร์รายอื่นได้
เคน แฮนตัน นักวิเคราะห์สินเชื่อของเนชั่นแนล ออสเตรเลีย แบงค์กล่าวว่า เอเอ็นแซทได้ทำธรกิจร่วมทุนมาเป็นเวลา 7 ปีแล้ว และเชื่อว่าจะสามารถบริหารงานในธุรกิจที่กำลังดำเนินการเพื่อซื้อกิจการมาอยู่ได้ เมื่อพิจารณาจากมุมมองด้านสินเชื่อแล้ว การซื้อหุ้นครั้งนี้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจกว่าทางเลือกอื่นๆที่มีจัดว่ามีความเสี่ยงสูงกว่า