นายวิกรม วัชระคุปต์ ผู้อำนวยการสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้าของโครงการเหล็กต้นน้ำคุณภาพสูงว่า อีก 6 เดือนจากนี้จะได้ผลการศึกษาสภาพแวดล้อมเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assessment:SEA) ในพื้นที่ภาคตะวันออกและภาคใต้ ซึ่งเป็นการประเมินความพร้อมในการพัฒนาให้เป็นพื้นที่ตั้งโครงการเหล็กต้นน้ำคุณภาพสูง
ทั้งนี้ การศึกษาจะมุ่งเน้นให้เกิดการพัฒนาสูงสุด ทั้งต่อโครงการเหล็กต้นน้ำและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องจากการผลิตเหล็ก รวมทั้งศึกษาถึงแผนการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ ด้วยการนำระบบและวิธีการที่ทันสมัยมาพัฒนาการประกอบอาชีพให้กับประชาชน
"พื้นที่ที่จะทำการศึกษาเป็นทั้งนากุ้งและนาข้าว ดังนั้นจะมีการศึกษาให้ครอบคลุมถึงการยกระดับคุณภาพในการเลี้ยงกุ้งและปลูกข้าวด้วย เช่น นำระบบการเลี้ยงกุ้งแบบปิดมาใช้ การมีระบบบำบัดน้ำเสีย ระบบชลประทาน รวมทั้งมีศูนย์เครื่องจักรกลการเกษตรสำหรับชาวนา เพื่อให้สามารถเพิ่มผลผลิตได้" นายวิกรม กล่าว
สำหรับการศึกษาสภาพแวดล้อมของพื้นที่เพื่อรองรับโครงการเหล็กต้นน้ำนั้น จะศึกษาเรื่องคุณภาพน้ำทะเล ความลึก การขุดร่องน้ำ ระยะทาง การเจาะสำรวจใต้พื้นดินในทะเล การวัดปริมาณน้ำฝนและแหล่งน้ำธรรมชาติ ตลอดจนการตรวจกระแสลม โดยเปิดโอกาสให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมด้วย
ส่วนอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องจากการผลิตเหล็ก จะมีการศึกษาเพื่อผลักดันให้เกิดอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องโดยตรง เช่น อุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือ หรืออุตสาหกรรมที่ใช้เหล็กมาผลิตและส่งออกโครงเหล็กและแท่นขุดเจาะน้ำมันให้อยู่รวมกลุ่มกับโครงการเหล็กต้นน้ำ ดังนั้นขนาดของพื้นที่ที่จะทำการศึกษาจะไม่เฉพาะพื้นที่ 5,000 ไร่ แต่จะศึกษาพื้นที่ขนาด 20,000 ไร่ เพื่อให้ครอบคลุมถึงการพัฒนาในภาพรวมดังกล่าวด้วย
เป้าหมายของการศึกษาสภาพแวดล้อมมิใช่เพื่อโครงการเหล็กต้นน้ำอย่างเดียว แต่เพื่อให้เกิดการสร้างฐานหรือศูนย์กลางของอุตสาหกรรมเหล็กและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเหล็กในประเทศไทย และรักษาวิถีชีวิตของชาวบ้านไปพร้อมๆ กับการยกระดับคุณภาพชีวิต รวมทั้งผลักดันให้พื้นที่ทั้งหมด เป็นเมืองอุตสาหกรรมนิเวศน์หรืออีโคทาวน์ มีการใช้ทรัพยากรหมุนเวียนอย่างเป็นระบบ เกิดของเสียน้อยที่สุดภายใต้หลักการ 3Rs (Reduce ลดการใช้, Reuse นำกลับมาใช้ซ้ำ, Recycle แปรสภาพและนำกลับมาใช้ใหม่)
นายวิกรม คาดว่าการศึกษา SEA จะแล้วเสร็จในอีก 6 เดือนข้างหน้า จากนั้นจะนำเสนอต่อกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณากำหนดเป็นเกณฑ์ให้บริษัทผู้ผลิตเหล็กชั้นนำของโลก 4 ราย ที่สนใจจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย นำไปใช้ในการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA)ต่อไป เช่น การออกแบบโรงงาน แผนบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม แลการตอบแทนสังคม เป็นต้น