นายชวลิต พิชาลัย รองผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน หรือ สนพ. เปิดเผยว่า ขณะนี้ทั้ง 5 หน่วยงาน ประกอบด้วย สนพ. กรมศุลกากร กรมสรรพสามิต กรมธุรกิจพลังงาน และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งร่วมมือกันรวบรวมข้อมูลการปราบปรามน้ำมันเถื่อน เพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้ามาปะปนมาขายกับน้ำมันเขียวให้กับชาวประมง ในส่วนนี้มีแนวทางป้องกัน ทั้งการติดตั้งฮิตเตอร์สำหรับตรวจสอบ จำนวนการนำเข้าและส่งออกน้ำมันตามคลังน้ำมัน พร้อมทั้งมีการผสมสารมาร์กเกอร์ เพื่อทำให้สามารถตรวจสอบได้ว่า เป็นน้ำมันเขียวหรือน้ำมันเถื่อนอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาในช่วงเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2552 มีการดำเนินคดีผู้ที่กระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันแล้วกว่า 2,225 คดี ลดลงจากประมาณ 3,700 คดี ซึ่งมีปริมาณการจับกุม ประมาณ 6.7 ล้านลิตร แต่อย่างไรก็ตามแม้ว่าจำนวนผู้กระทำผิดจะลดลงแต่ทว่าปริมาณน้ำมันเถื่อนที่จับกุมไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด ทั้งนี้เนื่องจากผู้กระทำผิดส่วนใหญ่เป็นรายใหญ่ เพราะรายย่อยไม่ค่อยทำเพราะหากผู้จับได้จะมีโทษรุนแรงมาก
นอกจากนี้ การป้องกันการลักลอบขายน้ำมันเถื่อน ยังได้รับความร่วมมือจากผู้ค้าน้ำมันเขียวในโครงการ ช่วยสอดส่องดูแลว่ามีการลักลอบเข้ามาหรือไม่ พร้อมกันนี้ยังสามารถตรวจสอบได้ว่า หากยอดผู้ค้าน้ำมันลดลง แสดงให้เห็นว่ามีการนำน้ำมันเถื่อนเข้ามาสวมรอยลักลอบขาย
ด้านกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ระหว่างเดือน ต.ค.51-ก.ย.52 สามารถจับกุมผู้ลักลอบนำเข้าน้ำมันดีเซล 267 ราย ปริมาณ 668,634 ลิตร มูลค่า 16.94 ล้านบาท น้ำมันเบนซิน 180 ราย ปริมาณ 59,720 ลิตร มูลค่า 1.55 ล้านบาท และความผิดในการลักลอบส่งออกไปนอกราชอาณาจักร เป็นน้ำมันดีเซล 4 ราย ปริมาณ 970 ลิตร มูลค่าหมื่นกว่าบาท น้ำมันเบนซิน 9 ราย ปริมาณ 2,860 ลิตร มูลค่า 88,000 บาท