ชู หงบิน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ ชี้การใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนอาจจะทำให้เศรษฐกิจบางพื้นที่มีความร้อนแรงมากเกินไป ในขณะที่หน่วยงานรัฐในระดับท้องถิ่นเร่งขยายการลงทุนในสินทรัพย์คงที่ในปีนี้ ขณะที่แบงค์ก็ปล่อยเงินกู้มหาศาลสำหรับการสนับสนุนโครงการก่อสร้างต่างๆ ซึ่งทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจร้อนแรงเกินไปในบางพื้นที่ และราคาวัตถุดิบก็มีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้น ดังนั้น การแก้ปัญหาเรื่องการฟื้นตัวอย่างไม่สมดุลจึงตกเป็นบททดสอบสำหรับรัฐบาล
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนมูลค่า 4 ล้านล้านหยวน หรือ 5.86 แสนล้านดอลลาร์ของรัฐบาลนั้น ได้มีการนำไปใช้ในการก่อสร้างสนามบิน โรงไฟฟ้า ถนนหนทาง และบ้านต้นทุนต่ำ ซึ่งมาตรการดังกล่าวได้ช่วยให้เศรษฐกิจจีนหลุดพ้นจากภาวะถดถอยครั้งรุนแรงสุดในรอบกว่า 10 ปี ขณะที่นายเหวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีนเปิดเผยว่า รัฐบาลจีนคงจะไม่สามารถยุติการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจได้ เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนยังไม่เกิดขึ้นอย่างเต็มรูปแบบ
บลูมเบิร์กรายงานว่า ผลผลิตโรงงานของจีนปรับตัวสูงขึ้นจนใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีเมื่อเดือนที่แล้ว ขณะที่ยอดขายปลีกก็ปรับตัวสูงขึ้นสูงสุดในปีนี้ และการลงทุนในสินทรัพย์คงที่ในเขตเมืองก็เพิ่มสูงขึ้นในช่วง 8 เดือนแรกจากมาตรการกระตุ้นดังกล่าว ขณะที่การส่งออกที่ร่วงลงมาติดต่อกัน 10 เดือนแล้วนั้น ก็ยังร่วงลงมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ไว้
ยอดการลงทุนในสินทรัพย์คงทั้ในมณฑลเหอเป่ย และมณฑลกวางซีนั้นพุ่งสูงขึ้น 51.9% ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นสถิติที่สูงที่สุดในบรรดามณฑลต่างๆของจีน และยังสูงกว่าสถิติโดยฉลี่ยทั่วประเทศ 19%