นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) ระบุว่า การที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ระงับโครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด 76 โครงการนั้น ถือว่าส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่กำลังจะตัดสินใจเข้ามาลงทุนในไทย จากที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลมีนโยบายเชิญชวนนักลงทุนต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น จึงถูกทำให้มองว่าค่อนข้างจะสวนทางกัน
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคชุมชน ควรจะหารือร่วมกันเพื่อหาทางแก้ไข เพราะหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปอาจจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนระยะยาวในประเทศไทยได้ ซึ่งล่าสุดมีนักลงทุนจากต่างชาติสอบถามถึงกรณีคำสั่งศาลปกครองกลางเข้ามาค่อนข้างมาก
ประธาน ส.อ.ท. มองว่า โครงการลงทุนต่างๆ ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดที่ถูกชะลอไปนั้น ส่วนใหญ่เป็นโครงการอุตสาหกรรมต้นน้ำ และเป็นการผลิตเพื่อช่วยทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งสามารถทดแทนการนำเข้าได้เป็นมูลค่าถึง 3 แสนล้านบาท/ปี และช่วยสร้างงานได้ราว 1 แสนคน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องรีบหาทางออกสำหรับปัญหาดังกล่าว ซึ่งภาคเอกชนอาจจะมีประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) นัดพิเศษ เพื่อเสนอเรื่องต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้ช่วยหาแนวทางแก้ไขต่อไป
ส่วนกรณีที่ บมจ.ปตท.(PTT) อาจเตรียมยื่นอุทธรณ์ต่อคำสั่งศาลปกครองดังกล่าวนั้น นายสันติ กล่าวว่า เป็นสิทธิที่ภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบจะสามารถดำเนินการได้ และเชื่อว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) จะร่วมอุทธรณ์ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้เพื่อต้องการทำให้การลงทุนในโครงการกลับมาได้เหมือนเดิม