(เพิ่มเติม) ไทยเบฟฯ ยังมองโอกาสในธุรกิจนอน-แอลกอฮอล์, ขยายลงทุนเอเชีย-ยุโรป

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday September 30, 2009 14:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ ผู้ผลิตเบียร์ช้าง กล่าวว่า บริษัทได้มีการปรับศักยภาพขององค์กรโดยการแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์เบียร์ช้างเป็น 3 กลุ่มชัดเจน คือ ช้างคลาสสิค ช้างดราฟท์ และช้างไลท์ เพื่อตอบสนองกลุ่มผู้บริโภคที่มีความแตกต่างกับ และปรับภาพลักษณ์ของเบียร์ชข้างที่แสดงถึงไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของคนรุ่นใหม่ โดยได้มีการปรับฉลากและบรรจุภัณฑ์ให้มีความทันสมัย

ทั้งนี้ เชื่อว่าการปรับภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์จะเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ได้มากขึ้น เช่น กลุ่มผู้รักสุขภาพ กลุ่มผู้หญิง โดยการปรับภาพลักษณ์ครั้งนี้ บริษัทใช้เงินลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท ซึ่งจะใช้ในการทำตลาดในช่วง 3 เดือนนี้แบบครบวงจรและต่อเนื่องเพื่อให้สินค้าใหม่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้ได้มากที่สุด และหวังว่าบริษัทจะมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 40-42% ภายใน 2 ปี จาก 35% ในปัจจุบัน รองจากผู้นำตลาดที่มีมาร์เก็ตแชร์ 45-46% ซึ่งบริษัทจะพยายามพัฒนาทุกด้านทั้งรสชาติ การทำตลาด

"ไม่เกิน 2 ปีเราน่าจะเห็นมาร์เก็ตแชร์ของเบียร์ช้าง 40-42% จาก 35% ในปัจจุบัน"นายฐาปน กล่าว

สำหรับไทยเบฟฯ ยังพยายามรักษารายได้และกำไรให้ไม่ต่ำกว่าปีก่อน ที่มีรายได้ 1 แสนล้านบาท หลังจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว บริษัทเชื่อว่าจะมีการขยายตัวของรายได้ของบริษัทแม้ว่าจะกังวลเรื่องปัจจัยการเมืองบ้าง แต่เชื่อว่าหากเศรษฐกิจโดยรวมฟื้นตัวก็ไม่น่ามีผลกระทบมากหากมีปัญหาการเมือง

และบริษัทมีแผนจะขยายตลาดไปยังประเทศในแถบภูมิภาคอาเซียนและยุโรป โดยแน้นผลิตภัณฑ์หลักคือเบียร์ช้างทั้ง 3 กลุ่ม และบริษัทยังมีแผนจะทำธุรกิจเครื่องดื่มที่ไม่ใช่แอลกอฮอลล์แต่ต้องใช้เวลาศึกษาความเป็นไปได้ โดยเบื้องต้นสนใจธุรกิจน้ำผลไม้ แม้ว่าทุกวันนนี้บริษัทจะมี บมจ.โออิชิ กรุ๊ป (OISHI) เป็นบริษัทในเครือแล้วก็ตาม และเชื่อว่าการทำน้ำผลไม้น่าจะมีผลดีต่อสินค้าเกษตร แต่บริษัทจะไม่เน้นเทคโอเวอร์ และมองว่าการมองหาธุรกิจใหม่จำเป็นต้องใช้เวลา และต้องมีการศึกษารายละเอียดให้แน่ชัด เนื่องจากบริษัทยังไม่เคยทำมาก่อน

ส่วนแผนการเข้าจดทะเบียนแบบ Dual Listing ขณะนี้คณะกรรมการบริษัทยังไม่มีนโยบายใดๆ ออกมาเนื่องจากไม่อยากมีปัญหาอีก แต่ถ้าถามความตั้งใจในฐานะบริษัทคนไทยก็ให้ความสำคัญและต้องการที่จะเทรดในตลาดหุ้นเมืองไทย

ที่ผ่านมา ยอมรับว่า ผู้ประกอบการธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ประสบปัญหาจากเรกกูเรเตอร์ที่ไม่มีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน ทำให้การทำธุรกิจยากลำบาก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ