สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นมากที่สุดในรอบ 4 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (30 ก.ย.) เพราะได้รับปัจจัยบวกจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลง ซึ่งกระตุ้นให้นักลงทุนแห่ซื้อสัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงทองคำและน้ำมันดิบ นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับแรงหนุนจากรายงานตัวเลขจีดีพีของสหรัฐที่หดตัวน้อยกว่าคาด
บลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 1,009.30 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 14.90 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 992.70-1,010.80 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 16.658 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 48.00 เซนต์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ปิดที่ 1,302.90 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 24.70 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 299.20 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 9.20 ดอลลาร์
แมท เซมาน นักวิเคราะห์จากบริษัท LaSalle Futures Group ในเมืองชิคาโก กล่าวว่า สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่ร่วงลงมากถึง 0.8% เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นนักลงทุนให้แห่เข้าซื้อสัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงทองคำ นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับแรงหนุนจากตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2 ของสหรัฐที่หดตัวเพียง 0.7% น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะหดตัว 1.1%
กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก ได้ถือครองทองคำที่ระดับ 1,094.107 ตัน ณ วันที่ 28 ก.ย. ซึ่งทรงตัวจากระดับของวันที่ 24 ก.ย.
ฮาร์เมช อาโรรา รองประธานสมาคมผู้ค้าทองคำของอินเดียเปิดเผยว่า ยอดนำเข้าทองคำของอินเดียประจำเดือนก.ย.อาจลดลงสู่ระดับ 50 ตัน จากปีที่แล้วที่ระดับ 54 ตัน ซึ่งเป็นสถิติที่ลดลงติดต่อกัน 5 เดือน เนื่องจากราคาทองคำที่สูงขึ้นทำให้กลุ่มผู้ซื้ออัญมณีชะลอคำสั่งซื้อ