กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่รวดเร็วของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย เช่น จีนและอินเดีย จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกที่กำลังฟื้นตัว แต่ปัญหาความไร้เสถียรภาพทางการค้าและค่าเงินจำเป็นต้องได้รับการแก้ไข เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเศรษฐกิจจะดีดตัวได้อย่างยั่งยืน
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ไอเอ็มเอฟได้ปรับเพิ่มคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจจีนในปีนี้ว่าจะขยายตัวสู่ระดับ 8.5% เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 7.5% พร้อมทั้งเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจปีหน้าว่าจะขยายตัวขึ้นอีก 0.5% เป็น 9.0% ขณะที่เศรษฐกิจอินเดียจะขยายตัวที่ระดับ 5.4% ในปีนี้และ 6.4% ในปีหน้า ส่วนเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะหดตัว 5.4% ในปีนี้ หลังจากที่ภาคการส่งออกได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภาวะอุปสงค์ตกต่ำ
รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกของไอเอ็มเอฟระบุว่า แม้กลุ่มประเทศในเอเชียที่พึ่งพาการส่งออกจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกตกต่ำ แต่ประเทศเหล่านี้มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้นตั้งแต่ช่วงครึ่งแรกของปี 2552
"ความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาบ่งชี้ถึงอุปสงค์และการส่งออกในประเทศที่แข็งแกร่ง แต่ขณะเดียวกันก็ยังไม่แน่ใจว่าการดีดตัวทางเศรษฐกิจครั้งนี้จะดำเนินไปได้ต่อเนื่องยาวนานหรือไม่" ไอเอ็มเอฟระบุ
ทั้งนี้ การดีดตัวทางเศรษฐกิจในเอเชียเป็นผลจากการใช้จ่ายของภาครัฐ การปรับลดดอกเบี้ยที่ระดับต่ำ และการฟื้นตัวของตลาดเงิน
อย่างไรก็ตาม ไอเอ็มเอฟเตือนว่า อัตราว่างงานที่เพิ่มขึ้นและกำลังการผลิตไร้เสถียรภาพจะเป็นปัจจัยที่บั่นทอนการฟื้นตัว ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ควรจับตาการปล่อยสินเชื่อที่ขยายตัวร้อนแรงในจีน เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้เกิดปัญหาภาวะฟองสบู่ระลอกใหม่
นอกจากนี้ ประเทศในเอเชียจำเป็นต้องปรับสมดุลทางเศรษฐกิจในเหมาะสม โดยมุ่งให้ความสำคัญในการกระตุ้นอุปสงค์ผู้บริโภคในประเทศมากกว่าที่จะพึ่งพาภาคการส่งออก รวมถึงกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินที่ยืดหยุ่นมากขึ้น