World Today: สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 1 ตุลาคม 2552

ข่าวต่างประเทศ Thursday October 1, 2009 15:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

-- ภาคการผลิตของจีนในเดือนก.ย.ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 จากอานิสงส์ของมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย และยอดปล่อยสินเชื่อที่พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้

สมาพันธ์ธุรกิจโลจิสติกส์และการจัดซื้อรายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อเดือนก.ย.ขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 54.3 จุด จากระดับ 54.0 จุดในเดือนส.ค. แต่ตัวเลขดังกล่าวน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 55 จุด

-- เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เตรียมแถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านการเงินแห่งสภาคองเกรสสหรัฐในคืนนี้ โดยเบอร์นันเก้จะเรียกร้องให้มีการใช้มาตรการปกป้องลูกค้าของสถาบันการเงินในสหรัฐ แต่ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นต่อกรณีที่คณะทำงานของบารัค โอบามา เสนอให้สภาคองเกรสถ่ายโอนอำนาจในการปกป้องลูกค้าสถาบันการเงินซึ่งเดิมเป็นของเฟด ไปให้กับหน่วยงานแห่งใหม่

-- จีนได้จัดงานฉลองวันชาติอย่างยิ่งใหญ่ในวันนี้ หลังจากที่ได้มีการสถาปนาประเทศมาครบ 60 ปี โดยได้มีการจัดงานขึ้นในใจกลางกรุงปักกิ่ง โดยประธานาธิบดีหู จิ่นเทาของจีน ได้เข้าร่วมพิธีตรวจพลสวนสนามพร้อมกับผู้นำระดับสูงของประเทศ ซึ่งพลสวนสนามดังกล่าวมีกำลังพลถึง 8,000 นาย

-- ทางการฟิลิปปินส์เตรียมสั่งการอพยพประชาชน ขณะที่มีรายงานว่า พายุไต้ฝุ่นป้าหม่า (Parma) กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่ฟิลิปปินส์ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดฝนตกหนักเป็นเวลา 1 สัปดาห์ หลังจากที่พายุโซนร้อนกิสนาได้ซัดกระหน่ำหลายพื้นที่ในกรุงมะนิลาและคร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 277 ราย

-- เคนเนธ ดี ลิวอิส ซีอีโอของแบงค์ ออฟ อเมริกา วางแผนที่จะลาออกจากตำแหน่งในช่วงสิ้นปีนี้ นับเป็นซีอีโอคนที่ 8 ของแบงค์ และยังเป็นการปิดฉากการทำงานนานถึง 40 ปี ที่แบงค์อเมริกา หลังจากที่ความน่าเชื่อถือของเขาตกต่ำลงหลังจากการเทคโอเวอร์เมอร์ริล ลินช์ ขณะนี้ ยังไม่ได้มีการเสนอชื่อผู้ที่จะมาทำหน้าที่แทนลิวอิสแต่อย่างใด

-- นายอลัน กรีนสแปน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลงในปีหน้า และภาวะการซื้อขายที่คึกคักในตลาดหุ้นจะยุติลง แม้ผลประกอบการภาคเอกชนเริ่มฟื้นตัวขึ้นก็ตาม

-- ทาคาโนบุ อิโตะ ซีอีโอของฮอนด้า มอเตอร์ คาดว่า ฮอนด้าอาจจะมีผลประกอบการครึ่งปีแรกดีกว่าคาดการณ์ ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายในจีนและญี่ปุ่น อย่างไรก็ดี อิโตะไม่ได้เปิดเผยว่า บริษัทจะกำไรหรือขาดทุนในช่วง 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. โดยก่อนหน้านี้ ฮอนด้าคาดารณ์ว่า จะขาดทุนจากการดำเนินงาน 1 หมื่นล้านเยน หรือ 111 ล้านดอลลาร์

-- บริษัท คอมคาส คอร์ป (Comcast Corp) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายเคเบิ้ลรายใหญ่สุดของสหรัฐ กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจากับบริษัท เจนเนอรัล อิเล็กทริก (GE) เพื่อซื้อหุ้น 50% ในบริษัท เอ็นบีซี ยูนิเวอร์แซล

-- เจนเนอรัล มอเตอร์ โค (จีเอ็ม) เตรียมยุบแบรนด์รถแซทเทิร์น (Saturn) ที่บริษัทได้ปลุกปั้นขึ้นเมื่อ 24 ปีก่อน หลังจากที่เพนสกี้ ออโตโมทีฟ กรุ๊ป ดีลเลอร์รถจากสหรัฐล้มโต๊ะการเจรจาซื้อกิจการแบรนด์ดังกล่าว

-- สมาคมดีลเลอร์ยานยนต์ญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดขายรถใหม่ในญี่ปุ่นเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 3.5% แตะ 321,737 คัน จากระดับปีที่แล้ว นับเป็นสถิติที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 โดยสถิติดังกล่าวไม่นับรวมรถขนาดเล็กที่มีการเปลี่ยนเครื่องยนต์สูงสุดถึง 660 ซีซี

-- โตโยต้า มอเตอร์ และฮอนด้า มอเตอร์ ผู้ผลิตรถชั้นนำของญี่ปุ่นสามารถทำยอดขายรถในประเทศได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องกันเป็นเดือนที่ 2 เนื่องจากรัฐบาลได้นำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมาใช้เพื่อกระตุ้นดีมานด์ภายในประเทศ

-- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เตือนว่า ญี่ปุ่นอาจจะตกอยู่ภายใต้ภาวะเงินฝืดไปจนถึงปี 2555 และย้ำให้ญี่ปุ่นกระตุ้นดีมานด์ภายในประเทศต่อไปเพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นอย่างเต็มรูปแบบ ในขณะที่รายงาน World Economic Outlook ของ IMF ระบุว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3% ในปีหน้า หลังจากที่หดตัวลงในปีนี้ จากผลพวงของวิกฤตการเงินครั้งรุนแรง

-- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวรวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเบื้องต้น แต่เตือนว่ารัฐบาลทั่วโลกควรใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างระมัดระวัง และไม่ควรยุติการใช้มาตรการเร็วเกินไป

ไอเอ็มเอฟเปิดเผยในรายงาน World Economic Outlook ว่า เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มขยายตัว 3.1% ในปีพ.ศ.2553 ซึ่งเป็นสถิติที่ขยายตัวรวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 2.1% เพราะความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีนและอินเดียจะเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนเศรษฐกิจโลก ส่วนในปีนี้คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะหดตัวลงเพียง 1.1% ซึ่งดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะหดตัว 1.4%

-- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 8.5% ในปีนี้ และ 9.0% ในปีหน้า โดยจีนจะเป็นผู้นำในการฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยเมื่อเทียบกับประเทศต่างๆในภูมิภาคเอเชีย

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า IMF ระบุในรายงาน World Economic Outlook (WEO) ที่มีการเปิดเผยในวันนี้ว่า ปัจจัยบ่งชี้ล่าสุดชี้ว่า การฟื้นตัวในเอเชียเป็นไปอย่างแข็งแกร่ง นำโดยการดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจจีน ซึ่งมีอัตราการขยายตัวที่ 7.1% ในช่วงครึ่งปีแรก

-- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่รวดเร็วของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย เช่น จีนและอินเดีย จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกที่กำลังฟื้นตัว แต่ปัญหาความไร้เสถียรภาพทางการค้าและค่าเงินจำเป็นต้องได้รับการแก้ไข เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเศรษฐกิจจะดีดตัวได้อย่างยั่งยืน ไอเอ็มเอฟได้ปรับเพิ่มคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจจีนในปีนี้ว่าจะขยายตัวสู่ระดับ 8.5% เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 7.5% พร้อมทั้งเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจปีหน้าว่าจะขยายตัวขึ้นอีก 0.5% เป็น 9.0% ขณะที่เศรษฐกิจอินเดียจะขยายตัวที่ระดับ 5.4% ในปีนี้และ 6.4% ในปีหน้า ส่วนเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะหดตัว 5.4% ในปีนี้ หลังจากที่ภาคการส่งออกได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภาวะอุปสงค์ตกต่ำ

-- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดอัตราว่างงานที่พุ่งสูงและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 7.87 แสนล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีบารัค โอบามาที่เริ่มจะให้ผลลดลง จะฉุดรั้งการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปีหน้า

โดยไอเอ็มเอฟระบุในรายงานประจำครึ่งปีว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 1.5% ในปีหน้า หลังจากที่หดตัว 2.7% ในปีนี้ เทียบกับเมื่อเดือนกรกฎาคมที่คาดว่าจะเศรษฐกิจสหรัฐปีหน้าจะขยายตัวเพียง 0.8%

-- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดการณ์ว่า การฟื้นตัวจากภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศที่ใช้เงินยูโร 16 ประเทศ หรือ ยูโรโซน จะเป็นไปอย่างเชื่องช้าในระยะใกล้ เนื่องจากธนาคารของประเทศเหล่านี้ยังต้องเดินหน้าแก้ไขหรือยกเครื่องระบบการเงิน

ในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกรอบครึ่งปีที่มีการเผยแพร่วันนี้ ไอเอ็มเอฟได้ประเมินเอาไว้ว่า เศรษฐกิจยูโรโซนน่าจะขยายตัว 0.3% ในปีหน้า หลังจากที่หดตัว 4.2% ในปีนี้ พร้อมระบุด้วยว่าถึงแม้ตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจปี 2553 ครั้งล่าสุดนี้ จะดีขึ้นกว่าคาดการณ์เมื่อเดือนก.ค.ที่ว่าจะหดตัว 0.3% แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนยังอ่อนแอกว่าสหรัฐและญี่ปุ่นมาก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ