อัตราว่างงานใน 16 ประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโร ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องแตะ 9.6% ในเดือนส.ค. ถือเป็นสถิติที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2542 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยยังคงส่งผลกระทบต่อภาคแรงงาน ซึ่งได้เพิ่มความวิตกว่าตลาดแรงงานที่อ่อนแอจะเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) รายงานว่า อัตราว่างงานเดือนส.ค.ไต่ขึ้นมาจากระดับ 9.5% ในเดือนก.ค. โดยในเดือนส.ค.มีคนตกงานรวมทั้งสิ้น 15.2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 165,000 คนจากเดือนก่อนหน้า
แม้มีข้อมูลบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจหลายประเทศในยูโรโซนกำลังฟื้นตัวจากภาวะถดถอย แต่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า อัตราว่างงานจะยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยในบรรดาประเทศสมาชิกยูโรโซนนั้น สเปนมีอัตราว่างงานสูงที่สุดที่ระดับ 18.9% หรือมีผู้ว่างงานในสัดส่วน 1 ต่อ 5 ซึ่งเป็นผลมาจากตลาดที่อยู่อาศัยตกต่ำและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวซบเซาได้ทำให้บริษัทต่างๆในอุตสาหกรรมทั้งสองต้องลดจำนวนพนักงาน ส่วนอัตราว่างงานต่ำสุดในยูโรโซนอยู่ที่เนเธอร์แลนด์ที่ระดับ 3.5%
ขณะที่ตัวเลขว่างงานในกลุ่มประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปทั้ง 27 ประเทศ อยู่ที่ 9.1% ขยับขึ้นจากระดับ 9% ในเดือนก.ค. โดยในเดือนส.ค.มีคนตกงานรวมเป็น 21.9 ล้านคน เพิ่มขึ้น 236,000 คนจากเดือนก.ค. นับเป็นอัตราว่างงานสูงสุดของอียูนับแต่ปีเดือนมี.ค.2547
อียูคาดการณ์ว่า จะมีคนตกงานเพิ่มขึ้นอีกในระยะใกล้นี้ เนื่องจากบริษัทต่างๆยังคงลดค่าใช้จ่ายแม้เศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นแล้วก็ตาม โดยจำนวนคนว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้นกำลังสร้างความวิตกให้แก่รัฐบาลยุโรป เนื่องจากธุรกิจต่างๆในภูมิภาคชะลอการจ้างงาน และไล่พนักงานออก ซึ่งหมายความว่าประชาชนที่ตกงานอยู่อาจจะไม่มีโอกาสหางานใหม่ได้ และจะต้องพึ่งพาเงินสงเคราะห์เพื่อครองชีพ