ออโต้ดาต้า คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยอุตสาหกรรมรถยนต์ชื่อดังของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ใหม่ประจำเดือนก.ย.ในสหรัฐร่วงลงอย่างหนัก หลังจากรัฐบาลสหรัฐยุติการใช้โครงการรถยนต์คันเก่าแลกคันใหม่ เพื่อเปลี่ยนมาสนับโครงการใช้รถยนต์ประหยัดพลังงานแทน
โดยยอดขายรถยนต์โดยรวมในสหรัฐเดือนก.ย.มีอยู่ทั้งสิ้น 745,997 คัน ลดลง 22.7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว หรือ ลดลง 40.9% เมื่อเทียบกับเดือนส.ค. หลังจากที่ยอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้น 1.0% ในเดือนส.ค.ซึ่งเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี อันเนื่องมาจากโครงการรถยนต์คันเก่าแลกคันใหม่ (cash for clunkers)
โครงการดังกล่าวมีข้อกำหนดว่า รัฐบาลจะจัดหาเงินสด 3,500-4,500 ดอลลาร์ให้กับประชาชนที่นำรถยนต์คันเก่ามาแลก เพื่อนำเงินไปซื้อรถยนต์คันใหม่ที่มีประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงาน โดยมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนผู้ผลิตให้หันมาผลิตรถยนต์พลังงานมากขึ้น แต่รัฐบาลสหรัฐประกาศยุติโครงการนำรถยนต์เก่าแลกรถยนต์ใหม่เมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ในประเทศร่วงลงอย่างหนัก
ออโตดาต้าระบุว่า ยอดขายรถยนต์ค่ายเจนเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ร่วงลง 45% และยอดขายของไครสเลอร์ ดิ่งลง 42% ซึ่งยอดขายของทั้ง 2 ค่ายทำสถิติร่วงลงหนักสุดเมื่อเทียบกับยอดขายของค่ายอื่นๆ ขณะที่ยอดขายของฟอร์ด มอเตอร์ ขยับลง 5.1%
ในฟากผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นนั้น โตโยต้า มอเตอร์ เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์โตโยต้าในสหรัฐดิ่งลง 13% ยอดขายของนิสสัน มอเตอร์ ลดลง 7% ยอดขายฮอนด้าดิ่งลง 20% อย่างไรก็ตาม ยอดขายของฮุนได มอเตอร์ ทะยานขึ้น 27% และยอดขายของเกีย มอเตอร์ส ซึ่งเป็นบริษัทในเครือฮุนได พุ่งขึ้น 27% สำนักข่าวเกียวโดรายงาน