จำนวนชาวอเมริกันผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มสูงเกินคาด ซึ่งบ่งชี้ว่านายจ้างยังไม่ต้องการที่จะจ้างงานใหม่ๆ ขณะที่ตลาดแรงงานยังคงซบเซา และสะท้อนให้เห็นว่าคนที่ตกงานยังเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากในการหางานใหม่ๆ
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 551,000 ราย จากระดับ 534,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ขณะที่นักวิเคราะห์จากวอลล์สตรีทคาดว่า ตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเพียง 5,000 ราย
การใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนส.ค.ทะยานขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 8 ปีที่ 1.3% จากอานิสงส์ของมาตรการนำรถเก่าแลกซื้อรถใหม่ (Cash for Clunkers) ซึ่งนักวิเคราะห์ยังไม่มั่นใจว่า การดีดตัวทางเศรษฐกิจจะดำเนินไปได้อย่างยั่งยืน เนื่องจากอัตราว่างงานยังคงเพิ่มขึ้น ขณะที่สถานการณ์ในตลาดสินเชื่อยังตึงตัว ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆยังคงรายล้อมอยู่
นักวิเคราะห์กำลังจับตาข้อมูลการขอรับสวัสดิการว่างงานอย่างใกล้ชิด ซึ่งจะใช้เป็นตัวบ่งชี้แนวโน้มการปลดพนักงานและชี้วัดสถานการณ์ของบริษัทต่างๆเกี่ยวกับการรับพนักงานใหม่ โดยนักวิเคราะห์มองว่า หากยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานอยู่ต่ำกว่า 400,000 รายหมายความว่า บริษัทต่างๆจะเพิ่มการจ้างงานมากขึ้น
ทั้งนี้ การเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานล่าสุดมีขึ้นก่อนที่รัฐบาลสหรัฐจะเปิดเผยอัตราว่างงานในวันศุกร์นี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า อัตราว่างงานจะขยายตัวขึ้นแตะที่ 9.8% จากระดับ 9.7% ในเดือนส.ค.ก่อนที่จะขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 10% ในต้นปีหน้า และคาดว่านายจ้างจะปรับลดพนักงาน 180,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ซึ่งลดลงจากระดับ 216,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค.
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวขึ้นประมาณ 3% ในไตรมาส 3 ซึ่งจะเป็นการสิ้นสุดภาวะถดถอยในเชิงเทคนิค