ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ ยืนยันว่า ทางรัฐบาลกำลังพิจาณาหาทางแก้ไขวิกฤตการณ์ในตลาดแรงงานสหรัฐ หลังจากสมาชิกพรรครีพับลิกันได้แสดงความกังวลที่อัตราว่างงานของสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง พร้อมกับวิพากษ์วิจารย์นโยบายเศรษฐกิจของคณะทำงานโอบามา
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในเดือนก.ย.ลดลง 263,000 ราย ซึ่งเป็นการปรับตัวลง 21 เดือนติดต่อกัน และร่วงลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงเพียง 175,000 ราย ขณะที่อัตราการว่างงานพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีที่ 9.8 % เทียบกับระดับ 9.7% ในเดือนส.ค.
ทั้งนี้ โอบามายอมรับว่าอัตราว่างงานและตัวเลขจ้างงานในเดือนก.ย.น่าผิดหวังและน่ากังวลใจเป็นอย่างยิ่ง แม้รัฐบาลได้ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบการเงิน การลดหย่อนภาษี และการคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับต่ำ ดังนั้น โอบามายืนยันว่าทางรัฐบาลจะหาทางแก้ไขวิกฤตการณ์แรงงานภายในประเทศ ด้วยพิจารณาทั้งทางเลือกเดิมที่มีอยู่และทางเลือกใหม่ๆที่จะกระตุ้นการจ้างงานให้ฟื้นตัวขึ้น
ขณะที่คณะทำงานของโอบามากล่าวว่า ทางเลือกดังกล่าวจะครอบคลุมถึงการลดหย่อนภาษี การลงทุนในโครงการสาธารณูปโภค และเพิ่มเงินช่วยเหลือโครงการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการฝึนฝนอาชีพให้กับประชาชน
ด้านนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจไม่ฟื้นตัวแข็งแกร่งพอที่จะฉุดอัตราว่างงานให้ลดลงได้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเฟดอาจต้องอัดฉีดเม็ดเงินอีกหลายล้านล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เนื่องจากภาคเอกชนของสหรัฐลดการจ้างงานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงบริษัท ยูเอแอล คอร์ป ที่วางแผนลดการจ้างงาน ซึ่งจุดกระแสความวิตกกังวลว่าผลกระทบในด้านบวกของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลสหรัฐบังคับใช้ไปก่อนหน้านี้นั้น อาจลดน้อยลงแล้ว