นายยี่ กัง รองผู้ว่าการธนาคารกลางจีนกล่าวกับผู้สื่อข่าวที่เมืองอิสตัลบลู ประเทศตุรกี ว่า อัตราการปล่อยกู้ที่แข็งแกร่งในจีนไม่ได้ก่อให้เกิดเงินเฟ้อและเชื่อว่าภาคธนาคารของจีนมีเสถียรภาพมากพอ ขณะที่นักวิเคราะห์บางคนมองว่าการแสดงความเห็นของรองผู้ว่าการแบงค์ชาติจีนบ่งชี้ว่ารัฐบาลจีนจะยังไม่ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบสองในระยะใกล้นี้
"โดยทั่วไปแล้วผมคิดว่าสถานการณ์ด้านการปล่อยกู้ในภาคการเงินยังอยู่ในระดับที่ยั่งยืนและไม่ก่อให้เกิดเงินเฟ้อ ผมเชื่อว่าอัตราการปล่อยกู้ของจีนมีเสีถยรภาพและไม่มากเกินไป ซึ่งดูได้จากสถิติในเดือนส.ค.และมิ.ย." นายกังกล่าว
จิม โอนีล หัวหน้านักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ กล่าวว่า "จีนแสดงออกอย่างชัดเจนว่าจะเลือกวิธีการกระตุ้นดีมานด์ภายในประเทศมากกว่าที่จะพึ่งพาการส่งออกเพียงอย่างเดียว ท่าทีของจีนสะท้อนให้เห็นว่าจีนจะยังไม่ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบสองในระยะใกล้นี้ เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรกมูลค่า 4 ล้านล้านหยวน หรือ 5.86 แสนล้านดอลลาร์นั้นเกิดผลในแทบจะทุกภาคส่วน นอกจากนี้ การปล่อยกู้ในวงเงินสูงสุดเป็นประวัติการณ์ให้กับโครงการสร้างทางรถไฟ ถนน และโรงงานพลังงาน ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่พยุงเศรษฐกิจจีนให้รอดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกด้วย"
"อาจกล่าวได้ว่าจีนเป็นประเทศต้นแบบในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นแบบอย่างให้กับประเทศอื่นด้วย" โอนีลกล่าว
บลูมเบิร์กรายงานว่า ธนาคารพาณิชย์ของจีนปล่อยเงินกู้ในรูปสกุลเงินหยวนทั้งสิ้น 4.104 แสนล้านหยวนในเดือนส.ค. เพิ่มขึ้นจากเดือนก.ค.ที่ 3.559 แสนล้านหยวน และมากกว่าปีที่แล้วที่ระดับ 2.715 แสนล้านหยวน
ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) คาดการณ์ว่า อัตราว่างงานของจีนจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 3% ในปีหน้า หลังจากดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ลดลง 0.5% ในปีนี้