เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนและยูโรในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราโตเกียวเช้าวันนี้ หลังหนังสือพิมพ์ดิ อินดิเพนเดนท์ของอังกฤษรายงานว่า จีน ญี่ปุ่น และกลุ่มประเทศในภูมิภาคอ่าวอาจยุติการใช้สกุลเงินดอลลาร์ในการซื้อขายน้ำมัน
ขณะเดียวกันเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเป็นวันที่ 3 เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐก่อนที่เยอรมนีจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าภาคโรงงานในเดือนส.ค. ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นเป็นเดือนที่ 6 และกระตุ้นให้นักลงทุนต้องการถือครองสินทรัพย์ที่ให้อัตราผลตอบแทนสูง
ยูจิ ไซโตะ นักวิเคราะห์จากโซซิเอเต เจเนอราล เอสเอกล่าวว่า "นักลงทุนมีความกังวลว่าประเทศในแถบตะวันออกกลางอาจยุติการใช้สกุลเงินดอลลาร์ในการทำธุรกรรมซื้อขายน้ำมัน ซึ่งความกังวลดังกล่าวเป็นเหตุให้เงินดอลลาร์ถูกเทขายออกมาอย่างหนัก"
ด้านโทชิยา ยามาอุจิ นักวิเคราะห์จากบริษัทอูเอดะ ฮาร์โลว์ กล่าวว่า "ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในเยอรมนีจะเป็นปัจจัยที่หนุนเศรษฐกิจยุโรปและกระตุ้นให้เทรดเดอร์ซื้อเงินยูโร นอกจากนี้ ตลาดหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้นยังช่วยหนุนให้นักลงทุนซื้อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้น และสร้างแรงกดดันต่อเงินยูโรและเงินเยน"
บลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 09:57 น.ตามเวลาโตเกียว เงินยูโรไต่ระดับขึ้นแตะที่ 1.4659 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.4648 ดอลลาร์/ยูโร ส่วนเงินเยนเทรดที่ระดับ 89.41 ดอลลาร์/เยน จากระดับ 89.53 ดอลลาร์/เยน
ส่วนเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินส่วนใหญ่หลังจากสำนักงานสถิติเปิดเผยอดขาดดุลการค้าเดือนส.ค.ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 1.52 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (1.33 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากระดับ 1.78 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลียในเดือนก.ค
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่ากระทรวงเศรษฐกิจเยอรมนีจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าภาคโรงงานที่ขยายตัว 1.1% ในเดือนส.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 3.5% ในเดือนก.ค.