หนังสือพิมพ์ ดิ อินดิเพนเดนท์ ของอังกฤษรายงานการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่การธนาคารตะวันออกกลางและจีนว่า กลุ่มประเทศอ่าวอาหรับ (GCC) เริ่มเจรจาร่วมกับจีน รัสเซีย ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส เพื่อยุติการใช้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายน้ำมัน โดยชาติอาหรับซึ่งเป็นกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันกำลังมองหาลู่ทางที่จะเปลี่ยนไปใช้สกุลเงินอื่นในตระกร้าเงิน รวมถึง สกุลเงินเยน หยวน ยูโร และทองคำ
ดิ อินดิเพนเดนท์ รายงานว่า กลุ่ม GCC ซึ่งมีซาอุดิอาระเบีย อาบูดาบี คูเวต และกาตาร์ เป็นสมาชิก ได้ประชุมหารือกันกับรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของจีน รัสเซีย ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส เกี่ยวกับการวางแผนที่จะเปลี่ยนไปใช้สกุลเงินอื่นในการซื้อขายน้ำมัน และอาจมีการใช้ทองคำแทนสกุลเงินในการซื้อขายน้ำมันด้วย ซึ่งหากเป็นจริงก็จะส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง โดยราคาทองคำในตลาด COMEX ทะยานขึ้นติดต่อกัน 3 วัน สู่ระดับสูงกว่า 1,000 ดอลลาร์/ออนซ์ เพราะได้รับแรงหนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนค่า
ข่าวดังกล่าวส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์ดิ่งลงอย่างหนักในตลาดเอเชียวันนี้ ขณะที่นายโจนาธาน คาเวนัฟ นักวิเคราะห์สกุลเงินของธนาคารเวสท์แพคกล่าวว่า "ข่าวนี้ส่งผลลบต่อดอลลาร์สหรัฐ และกำลังส่งผลกระทบต่อตลาด และยังแสดงให้เห็นว่า ไม่ได้มีเพียงแค่ธนาคารกลางในเอเชียเท่านั้นที่หันไปใช้สกุลเงินอื่นๆแทนดอลลาร์" อย่างไรก็ตาม นายฮิโรฮิสะ ฟูจิอิ รมว.คลังญี่ปุ่นกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เขาไม่รู้เรื่องนี้
ที่ประชุม G7 ได้แสดงความกังวลต่อสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง 14% เมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินหลักๆในตระกร้าเงิน โดย G7 ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า "อัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวนและเคลื่อนไหวอย่างไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจถือเป็นสิ่งที่บั่นทอนเสถียรภาพทั้งในตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศและเศรษฐกิจโลก พร้อมประกาศว่าสมาชิก G7 จะร่วมมือกันในเรื่องนี้
ดิ อินดิเพนเดนท์รายงานว่า อินเดียและบราซิลได้แสดงความสนใจในการใช้สกุลเงินอื่นๆแทนเงินดอลลาร์ในการซื้อขายน้ำมัน ขณะที่จีนมีความกระตือร้นในเรื่องนี้มากกว่าประเทศอื่นๆ โดยจีนพึ่งพาการซื้อน้ำมันจากต่างประเทศเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการน้ำมันที่คิดเป็นร้อยละ 60 และอินเดียต้องนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศประมาณ 3 ใน 4 ของยอดนำเข้าสินค้าโดยรวม บลูมเบิร์กรายงาน