ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ กำลังพิจารณาใช้แผนกู้วิกฤตตลาดแรงงานในประเทศ หลังจากอัตราว่างงานพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 26 ปี ซึ่งอาจครอบคลุมถึงการจัดสรรงบประมาณการใช้จ่ายและลดหย่อนภาษี แต่รัฐบาลอาจจะยังไม่ประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบสอง
บลูมเบิร์กรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐได้มีการหารือในเบื้องต้นที่ครอบคลุมถึงการกระตุ้นงบประมาณใช้จ่ายในด้านการขนส่ง และการขยายระยะเวลาการหลดหย่อนภาษีให้กับผู้ซื้อบ้านหลังแรก ซึ่งข่าวดังกล่าวมีขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่ทำเนียบขาวมีความวิตกกังวลต่อตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.ย.ที่ลดลง 263,000 ราย ซึ่งเป็นการปรับตัวลง 21 เดือนติดต่อกัน และร่วงลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงเพียง 175,000 ราย ขณะที่อัตราการว่างงานพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีที่ 9.8 % เทียบกับระดับ 9.7% ในเดือนส.ค.
อย่างไรก็ตาม สภาคองเกรสกังวลว่าการจัดสรรงบประมาณการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอาจทำให้รัฐบาลสหรัฐขาดดุลงบประมาณถึง 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ และ 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ในปีหน้า
โอบามายอมรับว่า อัตราว่างงานและตัวเลขจ้างงานในเดือนก.ย.เป็นตัวเลขที่สร้างความผิดหวังและน่ากังวลใจเป็นอย่างยิ่ง แม้รัฐบาลได้ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบการเงิน การลดหย่อนภาษี และการคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับต่ำ ดังนั้น โอบามายืนยันว่าทางรัฐบาลจะหาทางแก้ไขวิกฤตการณ์แรงงานภายในประเทศ ด้วยพิจารณาทั้งทางเลือกเดิมที่มีอยู่และทางเลือกใหม่ๆที่จะกระตุ้นการจ้างงานให้ฟื้นตัวขึ้น
ขณะที่คณะทำงานของโอบามากล่าวว่า ทางเลือกดังกล่าวจะครอบคลุมถึงการลดหย่อนภาษี การลงทุนในโครงการสาธารณูปโภค และเพิ่มเงินช่วยเหลือโครงการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการฝึนฝนอาชีพให้กับประชาชน