ครม.สัปดาห์หน้าเล็งถกกม.ลูกสิ่งแวดล้อม แก้ไขผลกระทบลงทุนมาบตาพุดชะงัก

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 7, 2009 11:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้าเตรียมพิจารณากฎหมายลูกเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ตามมาตรา 67 ในกฎหมายรัฐธรรมนูญปี 50 ในส่วนที่มีผลต่อโครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม หลังจากวันนี้คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) เข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความห่วงใยและเสนอแนะแนวทางการแก้ไขผลกระทบจากกรณีที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งชะลอ 76โครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด

"สัปดาห์หน้า ครม.จะพิจารณาเรื่องกฎหมายสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง" นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) ระบุ

นายพยุงศักดิ์ กล่าวว่า แม้จะมีคำสั่งของศาลปกครองออกมา แต่ขณะนี้โครงการต่างๆ ในส่วนที่ได้รับอนุญาตไปก่อนหน้านี้ก็ยังคงดำเนินการไปอย่างต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องชี้แจงให้สังคมรับรู้ถึงข้อเท็จจริงว่าโครงการเหล่านี้คำนึงถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ เพราะที่ผ่านมาเอกชนยังไม่ได้ชี้แจงให้สังคมและประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบเท่าที่ควร ในขณะที่การดำเนินโครงการของภาคเอกชนได้คำนึงถึงการดูแลสิ่งแวดล้อมและการอยู่ร่วมกันของชุมชนอยู่แล้ว

ทั้งนี้ สำหรับ 76 โครงการในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดนั้น พบว่ามีบางโครงการใกล้ดำเนินการแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ หรือปีหน้า โดยมีเพียง 2-3 โครงการเท่านั้นที่ยังไม่เริ่มก่อสร้าง

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า จาก 76 โครงการในนิคมอุตสาหกรรมมาบตามพุด มีประมาณ 10 โครงการ คิดเป็นมูลค่าการลงทุนรวม 1.8 แสนล้านบาท ที่ยังไม่ผ่านการรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) ซึ่งการที่ศาลปกครองมีคำสั่งให้ชะลอการก่อสร้างดังกล่าวนั้น ในการบังคับให้เอกชนยุติการก่อสร้างนั้นต้องให้เป็นอำนาจของหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งขณะนี้โครงการบางส่วนยังคงก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง เพราะยังไม่มีหน่วยงานใดตัดสินใจสั่งระงับ เนื่องจากเกรงปัญหาถูกฟ้องร้องในภายหลัง อีกทั้งโครงการเหล่านั้นได้รับการอนุญาตก่อสร้างไปแล้วก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ดี วันพรุ่งนี้(8 ต.ค.) นายกรัฐมนตรีจะเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อหารือว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปกับคำสั่งศาลปกครองที่ออกมา ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความชัดเจนในแนวทางการปฏิบัติ

"ตอนนี้ เราคงทำอะไรมากไม่ได้ ต้องรอให้ศาลสั่ง ซึ่งคิดว่าศาลคงดำเนินการได้ในเร็วๆ นี้" นายสันติ กล่าว

พร้อมระบุว่า การแก้กฎหมายเพื่อออกมารองรับในเรื่องนี้ ตามกระบวนการคงต้องใช้เวลาซึ่งกว่าจะแล้วเสร็จคงเป็นปีหน้า ดังนั้นจึงเชื่อว่าจะมีผลกระทบต่อการลงทุนจากต่างชาติอย่างแน่นอน เพราะต่างชาติได้สอบถามความชัดเจนเข้ามาตลอดเวลา และปัญหาดังกล่าวส่งผลทางจิตวิทยาให้นักลงทุนเกิดความกังวล ดังนั้นเห็นว่าจำเป็นต้องชี้แจงให้สังคมเข้าใจว่าเรื่องใดที่ได้ดำเนินการไปแล้วก่อนรัฐธรรมนูญปี 50 มีผลบังคับใช้

อย่างไรก็ดี เชื่อว่าหากรัฐบาลมีแนวทางที่ชัดเจนออกมา ไม่ว่าเอกชนจะต้องดำเนินการเพิ่มเติมอย่างไร เอกชนก็พร้อมจะดำเนินการ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ