ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: แรงซื้อหนุนดอลล์ฟื้นตัวเทียบยูโร,ฟรังค์สวิส

ข่าวต่างประเทศ Thursday October 8, 2009 07:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและฟรังค์สวิสในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราเมื่อคืนนี้ (7 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์เพราะมองว่าการเทขายดอลลาร์อย่างต่อเนื่องอาจทำให้ค่าเงินอ่อนแอลงในระยะยาว นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่ารัสเซียเข้าซื้อดอลลาร์เพื่อสกัดกั้นการแข็งค่าของสกุลเงินรูเบิล

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.24% เมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรที่ระดับ 1.4681 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 1.4717 ยูโรต่อดอลลาร์ และพุ่งขึ้น 0.62% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0332 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0268 ฟรังค์/ดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์อ่อนตัวลง 0.18% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 88.600 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 88.760 เยน/ดอลลาร์ และอ่อนตัวลง 0.19% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.5945 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.5915 ปอนด์/ดอลลาร์

ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียขยับลง 0.07% แตะที่ 0.8899 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.8905 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ขยับขึ้น 0.08% แตะที่ 0.7351 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7345 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์

แอนดรูว์ ชาเวเรียท นักวิเคราะห์จาก BNP Paribas SA กล่าวว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร เนื่องจากนักลงทุนมองว่าการเทขายดอลลาร์อาจทำให้ค่าเงินอ่อนแอลงมากเกินไปและไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจในระยะยาว

ก่อนหน้านี้ ดอลลาร์สหรัฐร่วงลงอย่างหนักหลังจากออสเตรเลียเป็นประเทศแรกในกลุ่ม G20 ที่ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็น 3.25% จากเดิม 3.0% สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 3% และหลังจากหนังสือพิมพ์ ดิ อินดิเพนเดนท์ ของอังกฤษรายงานการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่การธนาคารตะวันออกกลางและจีนว่า กลุ่มประเทศอ่าวอาหรับ (GCC) เริ่มเจรจาร่วมกับจีน รัสเซีย ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส เพื่อยกเลิกการใช้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายน้ำมัน

ค่าเงินปอนด์แข็งแกร่งขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังจากเนชั่นไวด์ บิลดิง โซไซตี เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวสูงขึ้น 6 จุด แตะระดับ 71 จุด ในเดือนกันยายน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายนปีที่แล้ว ซึ่งตัวเลขดังกล่าวได้จากการสำรวจความเห็นของประชาชน 1,000 คนระหว่างวันที่ 24 สิงหาคม - 20 กันยายนที่ผ่านมา

ส่วนค่าเงินยูโรได้รับแรงกดดันหลังจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือ ยูโรสแตท เปิดเผยว่า เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโรไตรมาส 2 ปี 2552 หดตัวลง 0.2% จากระดับไตรมาส 1 ที่หดตัว 2.5% เนื่องจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค การลงทุน และการส่งออกอ่อนตัวลง

นักลงทุนจับตาดูการประชุมธนาคารกลางยุโรปและอังกฤษในช่วงเย็นวันพฤหัสบดีนี้ โดยคาดว่าธนาคารกลางทั้งสองจะประกาศคงอัตราดอกเบี้ย แต่จะส่งสัญญาณว่าธนาคารกลางพร้อมที่จะยุติการใช้นโยบายผ่อนปรนทางการเงิน ซึ่งรวมถึงความพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ