กระทรวงการคลังของญี่ปุ่นเผยยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดพุ่งสูงขึ้น 10.4% ในเดือนส.ค.จากระดับในปีที่ผ่านมา แตะที่ 1.171 ล้านล้านเยน ซึ่งเป็นผลมาจากยอดนำเข้าสินค้าที่ปรับตัวลดลงอย่างหนัก
โดยดุลบัญชีการซื้อขายสินค้าและบริการของญี่ปุ่นเกินดุลอยู่ 1.809 แสนล้านเยน เมื่อเทียบกับยอดขาดดุลบัญชีที่มีอยู่ 2.570 แสนล้านเยนในปีที่ผ่านมา
ยอดส่งออกในเดือนส.ค.ปรับตัวลดลง 37.1% แตะที่ 4.226 ล้านล้านเยน ซึ่งทำสถิติลดลงเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกันท่ามกลางภาวะขาลงทางเศรษฐกิจโลก ขณะที่ยอดนำเข้าดิ่งหนัก 42.8% แตะที่ 3.923 ล้านล้านเยน ซึ่งปรับตัวลดลง 2.933 ล้านล้านเยนจากปีก่อนหน้านี้ และเป็นตัวเลขการร่วงหนักสุดนับตั้งแต่ปี 2529 โดยยอดนำเข้าที่ร่วงลงอย่างหนักนั้นมีสาเหตุจากราคาน้ำมันดิบโดยเฉลี่ยในเดือนส.ค.ที่ปรับตัวลดลงราวครึ่งหนึ่งจากปีก่อนหน้านี้มาอยู่ที่ประมาณ 68 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ ยอดขาดดุลบัญชีภาคบริการ ซึ่งประกอบด้วยภาคการคมนาคมและการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 6.0% แตะที่ 1.228 แสนล้านเยน ส่วนยอดเกินดุลรายได้ลดลง 24.5% มาอยู่ที่ 1.060 ล้านล้านเยน เพราะอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรต่างประเทศปรับตัวลดลง สำนักข่าวเกียวโดรายงาน