นักวิเคราะห์คาดอัตราว่างงานสหรัฐสร้างแรงกดดันต่อการใช้จ่ายผู้บริโภค

การดีดตัวของยอดการใช้จ่ายผู้บริโภคสหรัฐที่ได้รับปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะค่อยๆแผ่วลง ขณะที่อัตราว่างงานสหรัฐจ่อพุ่งทะลุ 10%

นักวิเคราะห์จากโพลล์ของบลูมเบิร์กคาดว่า การใช้จ่ายภาคครัวเรือนจะขยายตัวที่ 1% ในไตรมาสนี้ หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.4% ในไตรมาสก่อนหน้า พร้อมทั้งปรับลดคาดการณ์การใช้จ่ายช่วงไตรมาสแรกของปีหน้าลงด้วย

เดวิด กรีนโลว์ นักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์ แอนด์ โคกล่าวว่า "เราคงไม่เห็นปัจจัยที่กระตุ้นความเชื่อมั่นผู้บริโภค เนื่องจากประชาชนยังตกงาน ขณะที่ค่าจ้างแรงงานอยู่ในระดับต่ำ และแม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่ถึงกับแข็งแรงพอที่จะช่วยหักล้างอัตราว่างงานที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลได้"

นอกจากนี้ มาตรการนำรถเก่าแลกซื้อรถใหม่ (cash-for-clunkers) ที่สิ้นสุดลงเมื่อเดือนที่แล้วส่งผลต่อยอดขายยานยนต์ที่ร่วงลง 35% ซึ่งบ่งชี้ว่า การใช้จ่ายภาครัฐและภาคธุรกิจจะยังคงอยู่ในระหว่างการฟื้นตัวจนถึงปีหน้า ขณะที่การเพิ่มขึ้นของอัตราว่างงานสร้างแรงกดดันต่อคณะทำงานของประธานาธิบดีโอบามาของสหรัฐ ให้ต้องหามาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการจ้างงาน

นักวิเคราะห์จาก Moody’s Economy.com กล่าวว่า "ลำพังแค่อัตราว่างงานอย่างเดียวก็เลวร้ายพอที่จะกดดันให้เศรษฐกิจถอยหลังเข้าสู่ภาวะถดถอยได้แล้ว ดังนั้น รัฐบาลต้องใช้แผนกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น และเศรษฐกิจจำเป็นต้องได้รับปัจจัยหนุนเข้ามาจนกว่าการใช้จ่ายผู้บริโภคจะฟื้นตัว

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวที่ระดับ 2.4% ต่อปีในไตรมาสนี้ หลังจากที่ขยายตัว 3.2% จากไตรมาสที่ 3 และคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 2.4% ในปีหน้าก่อนที่จะเพิ่มขึ้นในอัตรา 2.8% ในปี 2554