นายกฯเร่งแก้ ก.ม.สิ่งแวดล้อม เข้าสภา ต.ค.นี้ หวังหาทางออกกรณีมาบตาพุด

ข่าวเศรษฐกิจ Sunday October 11, 2009 10:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ เชื่อมั่นประเทศไทย กับนายกฯอภิสิทธิ์ว่า จากกรณีที่ศาลปกครองได้สั่งระงับ 76 โครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ขณะนี้รัฐบาลพยายามหาจุดสมดุลทั้งในส่วนของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนมาเป็นเวลานาน จนต้องใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ขณะที่ภาคเอกชน หากต้องหยุดชะงักการลงทุน จะเกิดผลกระทบทั้งการลงทุน การจ้างงาน และธุรกิจต่อเนื่อง ดังนั้นรัฐบาลจะมีการแก้ไขกฎหมายสิ่งแวดล้อม เพื่อให้มีการดำเนินการตาม ม.67 ของรัฐธรรมนูญ ที่ต้องมีการจัดทำผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ผลกระทบต่อสุขภาพชุมชน มีการรับฟังความคิดเห็นประชาชน และการตั้งองค์กรอิสระ ร่วมพิจารณาก่อนดำเนินโครงการลงทุน ซึ่ง จะมีการเสนอที่ประชุมครม.เร็วๆ นี้ เพื่อให้กฎหมายเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ในปลาย ต.ค. ถึงต้น พ.ย.นี้

อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่การแก้ไขกฎหมายสิ่งแวดล้อมยังไม่แล้วเสร็จ รัฐบาลจะอาศัยกฎหมายที่มีอยู่ปัจจุบัน โดยแก้ไขกฎระเบียบต่างๆ เพื่อให้การดำเนินการตามคำสั่งของศาล และการทำงานของรัฐบาลเดินหน้าควบคู่กันต่อไป

ทั้งนี้ ยอมรับว่า คำสั่งของศาลปกครอง อาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนบ้าง ทำให้รัฐบาลต้องเร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับนักลงทุน ชี้แจงถึงการเคารพคำสั่งของศาล และทำความเข้าใจว่า เกี่ยวกับการดำเนินการตาม ม.67 ตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ทำให้การปฏิบัติการเปลี่ยนแปลงไปมากนัก ขั้นตอนการดำเนินการต่างๆ ก่อนการลงทุนมีขั้นตอนเพิ่มขึ้นไม่มาก

"รัฐบาลได้พยายามหาความสมดุลเรื่องนี้ เพราะการดำเนินการ ตาม ม.67 มีผลตั้งแต่ปี 50 แต่ยังขาดการวางกติกา ซึ่งรัฐบาลได้เร่งดำเนินการ แต่ยังมีความเห็นหลากหลาย ซึ่งโครงการที่อนุมัติไปแล้ว เห็นว่าไม่เข้าข่าย ม. 67 วรรค 2 เพราะได้ทำการผ่านด้านสิ่งแวดล้อมไปแล้ว และโครงการยังมีผลในการลดมลพิษด้วย แต่ศาลได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ซึ่งหวังว่าจะได้ข้อยุติไม่นานเพื่อให้ดำเนินการต่อไป" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ต้อนรับ ดยุกแห่งยอร์ก แห่งสหราชอาณาจักร ในฐานะผู้แทนพิเศษทางการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ ของสำนักงานการค้าและการลงทุนแห่งสหราชอาณาจักร และยังมีนักธุรกิจชั้นนำของสหราชอาณาจักร ซึ่งบางส่วนได้ประกอบธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งมุมมองต่างชาติ มองเห็นแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และเศรษฐกิจโลก และไทยเป็นประเทศที่เปิดกว้างด้านการค้า การลงทุน และยังมีโอกาสขยายการลงทุนในไทย แต่ยังมีข้อห่วงใยเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศ โดยต่างชาติต้องการเห็นความสงบในบ้านเมือง ซึ่งได้ชี้แจงแนวทางรัฐบาลที่รัฐบาลดำเนินการ ที่ต้องการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ให้บ้านเมืองเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว และยืนยันว่า มาตรตการและนโยบายเศรษฐกิจของไทย ยังอำนวยความสะดวกให้นักลงทุนเดินหน้าลงทุนได้ต่อเนื่อง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ