นักวิเคราะห์คาดยอดค้าปลีกเดือนก.ย.ของสหรัฐร่วง 2.1% หลังยอดขายรถยนต์ทรุด

ข่าวต่างประเทศ Monday October 12, 2009 06:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักวิเคราะห์ที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็น คาดการณ์ว่า ยอดค้าปลีกประจำเดือนก.ย.ของสหรัฐจะร่วงลง 2.1% ซึ่งเป็นจะเป็นสถิติที่ลดลงมากที่สุดในปีนี้ หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายรถยนต์ที่ร่วงลงหลังจากรัฐบาลสหรัฐยุติการใช้โครงการนำรถยนต์คันเก่าแลกคันใหม่

โจเอล นารอฟฟ์ ประธานบริษัท Naroff Economic Advisors Inc ในรัฐเพนซิลวาเนีย กล่าวว่า "ยอดขายรถยนต์ที่ดิ่งลงอย่างหนักในเดือนก.ย.เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตัวเลขการใช้จ่ายภาคครัวเรือนในสหรัฐไม่สามารถฟื้นตัวอย่างยั่งยืนได้หากปราศจากมาตรการช่วยเหลือจากสหรัฐ โดยเฉพาะในช่วงที่อัตราว่างงานพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ ผู้บริโภคย่อมต้องการมาตรการช่วยเหลือจากรัฐบาลมากเป็นพิเศษ เราคาดว่าสถานะด้านการเงินของผู้บริโภคจะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต้องนำมาประกอบการพิจารณาว่าควรจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่"

บลูมเบิร์กรายงานว่า กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกประจำเดือนก.ย.ในวันพุธที่ 14 ต.ค.นี้

ออโต้ดาต้า คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยอุตสาหกรรมรถยนต์ชื่อดังของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ใหม่ประจำเดือนก.ย.ในสหรัฐร่วงลงอย่างหนัก หลังจากรัฐบาลสหรัฐยุติการใช้โครงการรถยนต์คันเก่าแลกคันใหม่

โครงการดังกล่าวมีข้อกำหนดว่า รัฐบาลจะจัดหาเงินสด 3,500-4,500 ดอลลาร์ให้กับประชาชนที่นำรถยนต์คันเก่ามาแลก เพื่อนำเงินไปซื้อรถยนต์คันใหม่ที่มีประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงาน แต่รัฐบาลสหรัฐประกาศยุติโครงการนำรถยนต์เก่าแลกรถยนต์ใหม่เมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ในประเทศร่วงลงอย่างหนัก

ยอดขายรถยนต์โดยรวมในสหรัฐเดือนก.ย.มีอยู่ทั้งสิ้น 745,997 คัน ลดลง 22.7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว หรือ ลดลง 40.9% เมื่อเทียบกับเดือนส.ค. หลังจากที่ยอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้น 1.0% ในเดือนส.ค.ซึ่งเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี เพราะได้แรงหนุนจากโครงการรถยนต์คันเก่าแลกคันใหม่


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ