กระทรวงการค้าสิงคโปร์ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยคาดว่าตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ปีพ.ศ.2552 จะหดตัวลง 2.5% ซึ่งน้อยกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะหดตัวลงราว 4-6% หลังจากจีดีพีขยายตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาส ซึ่งภาวะที่ฟื้นตัวเช่นนี้อาจทำให้รัฐบาลสิงคโปร์ยุติการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
"ทางกระทรวงได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจหลังจากจีดีพีขยายตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาส โดยล่าสุดในไตรมาส 3 จีดีพีขยายตัวเกินคาดถึง 0.8% ส่วนในเรื่องการยุติการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา เนื่องจากสิงคโปร์ยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนและความเสี่ยงหลายด้านในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจสิงคโปร์จะกลับไปสู่ภาวะถดถอยเหมือนในช่วงที่ผ่านมานั้น มีน้อยมาก เนื่องจากตลาดการเงินของสิงคโปร์เริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัวแล้ว" กระทรวงการค้าสิงคโปร์กล่าว
ภาคการผลิตซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 4 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมของสิงคโปร์ ขยายตัวขึ้น 8.3% ในไตรมาส 3 หลังจากหดตัวลง 1.1% ในไตรมาส 2 ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากดีมานด์ในอุตสาหกรรมเวชภัณฑ์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ปรับตัวสูงขึ้น
ขณะที่ดัชนีสเตรทไทมส์ตลาดหุ้นสิงคโปร์ทะยานขึ้น 51% ในปีนี้ เนื่องจากภาคการผลิตดีดตัวขึ้นและช่วยหนุนเศรษฐกิจสิงคโปร์ให้ฟื้นตัวขึ้นจากภาวะถดถอยรุนแรง
บลูมเบิร์กรายงานว่า อัตราว่างงานของสิงคโปร์ประจำไตรมาส 2 ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 3.3% ไม่เปลี่ยนแปลงจากไตรมาสแรก และดีกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ที่ 3.7% ขณะที่ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนในสิงคโปร์ลดลงเพียง 5,980 ตำแหน่งในไตรมาส 2 เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกที่ร่วงลงถึง 12,760 ตำแหน่ง
ปัจจัยที่ทำให้ภาคเอกชนสิงคโปร์ลดการจ้างงานน้อยลงมาจากการที่รัฐบาลสิงคโปร์ใช้มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ รวมถึงการให้ความช่วยเหลือบริษัทเอกชนให้สามารถลดต้นทุนการจ้างงาน แต่ยังสามารถจ้างงานพนักงานต่อไปได้ในยามที่เศรษฐกิจในประเทศถูกกระทบอย่างรุนแรงจากภาวะเศรษฐกิจโลกหดตัวรุนแรงสุดนับตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1930