กองทุนเพื่อความมั่งคั่งของจีนรุกซื้อหุ้น 3 แบงก์ยักษ์ใหญ่ หวังปลุกความเชื่อมั่นนลท.

ข่าวต่างประเทศ Monday October 12, 2009 11:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กองทุนเพื่อความมั่งคั่งของจีนเตรียมรุกขยายสัดส่วนการถือครองหุ้นในธนาคารยักษ์ใหญ่ 3 แห่งของจีนเพิ่มขึ้น เพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่นนักลงทุน หลังจากที่ตลาดหุ้นจีนซบเซาเมื่อไตรมาสที่ผ่านมา

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เมื่อเร็วๆนี้ บริษัทเซ็นทรัล ฮุยจิน อินเวสเมนท์ โค ในเครือไชน่า อินเวสเมนท์ คอร์ป เพิ่งเข้าซื้อหุ้นในธนาคารยักษ์ใหญ่ที่ซื้อขายในตลาดหุ้นจีน 3 แห่งได้แก่ อินดัสเทรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงก์ ออฟ ไชน่า (ICBC), ไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงก์ คอร์ป และแบงก์ ออฟ ไชน่า

ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวเรื่องแผนการซื้อหุ้นเพิ่มเติมอาจช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุน หลังจากดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปรับตัวลดลง 6.1% ในช่วงไตรมาส 3 และถือเป็นดัชนีที่ร่วงลงหนักสุดเมื่อเทียบกับตลาดเกิดใหม่รายใหญ่ โดยธนาคาร ICBC และแบงก์ ออฟ ไชน่าเป็นหนึ่งในธนาคารรายใหญ่สุด 4 แห่งที่ทำการซื้อขายในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้

หวาง เฉิน นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ Guotai Junan Securities Co. กล่าวว่า "การซื้อหุ้นในกลุ่มสถาบันการเงินจะช่วยหนุนความเชื่อมั่นนักลงทุนได้ทันที ซึ่งความเคลื่อนไหวเช่นนี้บ่งชี้ว่ารัฐบาลเองก็มิได้มองตลาดในแง่บวกซะทีเดียว"

อย่างไรก็ตาม ณ เวลา 09:41 น.ตามเวลาท้องถิ่น หุ้น ICBC ในตลาดหุ้นจีนเพิ่มขึ้น 2.6% ส่วนหุ้นไชน่า คอนสตรัคชั่นแบงก์ ขยายตัว 2.9% และหุ้นแบงก์ ออฟ ไชน่าเดินหน้า 2%

โดย ICBC กล่าวในแถลงการณ์ว่า ฮันจินซื้อหุ้นของ ICBC จำนวน 30.07 ล้านหุ้นในรูปสกุลเงินหยวน ส่งผลให้กองทุนมีสัดส่วนการถือครองกรรมสิทธิ์เพิ่มเป็น 35.42% จากเดิมที่ 35.41% นอกจากนี้ ฮันจินยังซื้อหุ้นแบงก์ ออฟ ไชน่า 5.13 ล้านหุ้น รวมถึงซื้อหุ้นไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงก์ 16.1 ล้านหุ้น ทำให้กองทุนมีสัดส่วนการถือครองหุ้นทั้งสองแบงก์อยู่ที่ 67.528% และ 57.09% ตามลำดับ

นอกจากนี้ กองทุนจะยังเดินหน้าเพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้นในธนาคารต่างๆเพิ่มเติมด้วยการเข้าซื้อหุ้นในช่วงที่มีการเปิดตลาดใน 12 เดือนข้าหน้า ซึ่งกองทุนได้เสร็จสิ้นการซื้อหุ้นรอบแรกไปเมื่อวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ตลาดหุ้นจีนไต่ระดับขึ้น 60% ในปีนี้ เนื่องจากผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 10 ปี เพราะได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลมูลค่า 5.86 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐรวมถึงการออกเงินกู้ที่เพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ