นายกฯสั่งเช็คโครงการลงทุนทั่วปท.หลังเอ็นจีโอเล็งเดินหน้าฟ้องต่อขัดม.67

ข่าวเศรษฐกิจ Monday October 12, 2009 11:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่องค์กรภาคประชาชน(เอ็นจีโอ)เตรียมเดินหน้าฟ้อง 500 โครงการลงทุนทั่วประเทศเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 67 เช่นเดียวกับโครงการในมาบตาพุดว่า ตนเองได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบโครงการลงทุนทั่วประเทศว่ามีโครงการใดเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 67 บ้าง แต่เชื่อว่าจำนวนโครงการที่เข้าข่ายอาจจะไม่สูงถึงตามที่เอ็นจีโอระบุ

แต่ก็ยอมรับว่า หากยึดหลักรัฐธรรมนูญปี 50 ก็คงมีโครงการลงทุนที่เข้าข่ายนอกเหนือจาก 76 โครงการในมาบตาพูดที่ถูกศาลปกครองกลางสั่งระงับ ดังนั้นจึงจำเป็นที่รัฐบาลต้องมีหลักเกณฑ์ในการปฏิบัติอย่างเร่งด่วน รัฐบาลจึงพยายามเร่งดำเนินการ โดยจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาแก้ไขกฎหมายสิ่งแวดล้อมในวันพรุ่งนี้(13 ต.ค.) เพื่อให้เกิดความชัดเจนในแนวทางปฏิบัติมากยิ่งขึ้น

"ถ้าแนวของศาลในเรื่องของทุกโครงการหลังรัฐธรรมนูญปี 50 มีมากกว่า 76 โครงการ ซึ่งถือเป็นข้อกังวลอันหนึ่ง ในวันพรุ่งนี้ก็จะเสนอคณะรัฐมนตรีหามาตรการรองรับเพิ่มเติม และผมก็ได้ให้ไปสำรวจอยู่ แต่ผมไม่นึกว่าจะมีถึง 500 โครงการทั่วประเทศ" นายอภิสิทธิ์ กล่าวกับผู้สื่อข่าว

นายกรัฐมนตรี มองว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้มาจากผลของอดีตที่ทางการไม่ได้มีมาตรการรองรับอย่างจริงจัง เพราะเพียงแต่มุ่งจะหาผู้ที่สนใจเข้ามาลงทุน โดยไม่ได้พิจารณาองค์ประกอบด้านอื่นๆ โดยเฉพาะผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและด้านสุขภาพของคนในพื้นที่ ทำให้ขณะนี้รัฐบาลจะต้องเร่งวางมาตรการที่จะกำหนดเป็นแผนงานต่อไป

"ในอดีตเราไม่ได้คิดเรื่องนี้อย่างจริงจัง ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องยอมรับ เราไปคิดเรื่องของการลงทุน ใครสนใจลงทุนเราก็ไปเจรจา ยกตัวอย่างเช่น ตอนผมเข้ามาก็มีการพูดคุยเรื่องของอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำ ซึ่งในความเป็นจริงการหาพื้นที่ที่เป็นที่ยอมรับหาได้ยาก เราก็ต้องคิดว่าเราอยากจะได้หรือไม่ ประเด็นเหล่านี้ก็ต้องหาคำตอบเพื่อให้อนาคตวางแผนได้ง่ายขึ้น" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ก็ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์)ไปพิจารณาทิศทางในอนาคต หากโครงการลงทุนบางส่วนไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ จะสามารถหามาตรการอื่นมาทดแทนอย่างไร เช่น อาจจะหันไปผลักดันโครงการด้านการท่องเที่ยว หรือเน้นเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ แต่ทั้งนี้ก็จะต้องพิจารณาผลกระทบด้านการจ้างงานและรายได้ของประชาชนในพื้นที่เหล่านั้นด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ