เจมส์ บูลลาร์ด ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ย้ำถึงข้อเรียกร้องในการใช้ข้อบังคับการกำหนดจำนวนเงินในโครงการซื้อสินทรัพย์มูลค่า 1.75 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐของเฟด ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป
"จากตัวเลขเศรษฐกิจที่มีรายงานออกมายังไม่สามารถบ่งชี้ได้แน่ชัดว่าเฟดจะต้องปรับลดสัดส่วนจำนวนการซื้อสินทรัพย์หรือไม่ หรือต้องลดยอดการซื้อสินทรัพย์มากน้อยแค่ไหน นอกจากนี้ ยังไม่มีความชัดเจนว่าอัตราเงินเฟ้อจะเคลื่อนไหวตามเป้าที่ตั้งไว้ และผลผลิตจะมีจำนวนมากขึ้นอย่างมหาศาลหรือเปล่า ซึ่งความไม่ชัดเจนนี้กำลังสร้างความไม่แน่นอนในตลาดเงิน" บูลลาร์ดกล่าว
บลูมเบิร์กรายงานว่า เฟดได้ปรับลดดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 0-0.25% ในเดือนธ.ค.2551 และเริ่มซื้อพันธบัตรรัฐบาลมากขึ้น จนกระทั่งทำให้เกิดข้อถกเถียงเรื่องกรอบเวลาในการระบายสภาพคล่องออกจากระบบการเงิน ในช่วงที่เศรษฐกิจสหรัฐได้รอดพ้นจากภาวะถดถอยครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ยุคเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression)
โดยเฟดเปิดเผยเมื่อเดือนที่ผ่านมาว่า เศรษฐกิจเริ่มกระเตื้องขึ้น แต่เราจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม บลูลาร์ดกล่าวว่า อัตราว่างงานในสหรัฐอาจพุ่งแตะ 10% ในอนาคต จากระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีที่ 9.8% ในเดือนก.ย. เนื่องจากบริษัทต่างๆ ยังคงปรับลดพนักงานอย่างต่อเนื่อง พร้อมชี้ว่า ตลาดแรงงานอ่อนแออย่างหนัก ซึ่งนั่นจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม บูลลาร์ดคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจะแข็งแกร่งขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า เนื่องจากภาวะตื่นตระหนกเริ่มคลี่คลาย แต่ภาคเอกชนจะยังไม่ขยายตัวพรวดพราดถึงระดับสูงสุด