ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์ร่วงเทียบสกุลเงินหลักๆ ขณะตลาดจับตาผลประกอบการแบงค์สหรัฐ

ข่าวต่างประเทศ Tuesday October 13, 2009 07:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (12 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายดอลลาร์เพื่อซื้อสกุลเงินและสินทรัพย์ที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่า เพราะเชื่อว่าผลประกอบการของบริษัทสหรัฐ โดยเฉพาะธนาคารชั้นนำบางแห่งจะออกสูงเกินคาด อย่างไรก็ตาม วอลุ่มการซื้อขายในตลาดบางเบาและภาวะการซื้อขายค่อนข้างซบเซา เนื่องจากวันจันทร์ที่ 12 ต.ค.เป็นวันหยุดราชการในสหรัฐ เนื่องในวันโคลัมบัส โดยตลาดหุ้นพันธบัตรสหรัฐปิดทำการและทางรัฐบาลไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ

บลูมเบิร์กรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.35% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4778 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.4727 ยูโร/ดอลลาร์ และดิ่งลง 0.48% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0264 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0314 ฟรังค์/ดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐขยับขึ้น 0.08% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 89.840 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 89.770 เยน/ดอลลาร์ และดีดขึ้น 0.19% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.5804 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.5834 ปอนด์/ดอลลาร์

ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.30% แตะที่ 0.9065 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.9038 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.16% แตะที่ 0.7325 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7337 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์

เอมิเลีย บอร์โด นักวิเคราะห์จากยูบีเอส เอจี ในรัฐคอนเน็กติกัตกล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำของสหรัฐเป็นปัจจัยหลักที่ฉุดดอลลาร์สหรัฐอ่อนลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ นักลงทุนยังเทขายดอลลาร์เพื่อซื้อสกุลเงินและสินทรัพย์ที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่า เพราะเชื่อว่าผลประกอบการของบริษัทสหรัฐ โดยเฉพาะธนาคารชั้นนำบางแห่งจะออกมาสูงเกินคาด โดยธนาคารที่จะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ได้แก่ แบงค์ออฟอเมริกา, โกลด์แมนแซคส์, เจพีมอร์แกน และซิตี้กรุ๊ป

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง แม้เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวในที่ประชุมคณะผู้ว่าการเฟดที่วอชิงตันว่า เฟดพร้อมที่จะใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงิน ซึ่งรวมถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทันทีที่เศรษฐกิจมีแนวโน้ม "ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง"

ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้นนับตั้งแต่ธนาคารออสเตรเลียตัดสินใจประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็น 3.25% จากเดิม 3.0% สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 3% ทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวแล้ว พร้อมกับส่งสัญญาณว่าอาจขึ้นดอกเบี้ยเนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้นและภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานเริ่มบรรเทาลง ซึ่งทำให้วิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่าธนาคารกลางออสเตรเลียจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 3.50%

ส่วนค่าเงินปอนด์อ่อนตัวลงเพราะถูกกดดันจากข่าวทีว่านายกอร์ดอน บราวน์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เตรียมประกาศขายสินทรัพย์ของรัฐบาลเพื่อระดมทุน 3 พันล้านปอนด์ (4.8 พันล้านดอลลาร์) เพื่อลดตัวเลขขาดดุลงบประมาณที่สูงขึ้นเรื่อยๆ โดยสินทรัพย์ที่จะถูกขายในอีก 2 ปีข้างหน้าประกอบด้วยทางเชื่อมอุโมงค์รถไฟ สะพานดาร์ทฟอร์ด อุโมงค์ข้ามแม่น้ำเธมส์ บริษัทพนัน Tote และหุ้น 33% ที่รัฐบาลถืออยู่ในบริษัท Urenco ซึ่งเป็นธุรกิจยูเรเนียมที่อังกฤษร่วมทุนกับยุโรป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ